พปชร. อวดผลงานเด่นใน 5 เดือน เห็นผลชัด พัฒนาเศษฐกิจฐานราก-ลดเหลื่อมล้ำ
วันที่ 28 ธ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลงานของพรรคพลังประชารัฐ ในช่วง 5 เดือน ภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเห็นผลชัดเจนในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานราก มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และการจัดสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
ส่วนการจัดสวัสดิการให้ผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น อุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท ยืดโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐออกไปอีก 1 ปี เพื่อช่วยเหลือสวัสดิการของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และล่าสุดกระทรวงการคลังเตรียมผลักดันโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เป็นโครงการถาวรเพื่อแก้ปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง โดยจะจัดตั้งสำนักบัตรสวัสดิการแห่งรัฐขึ้นมากำกับดูแลโดยตรง และยังดำเนินการเพื่อให้มีการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ภายในเดือนมกราคม 2563 ด้วย ซึ่งการดำเนินการต่างๆ เป็นไปตามแนวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ "ประชาธิปไตยไทยอิ่ม" ที่จะพาประเทศไทยเดินหน้าและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังฃ
ขณะที่กระทรวงพลังงาน มีนโยบายช่วยส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้พึ่งพาตนเองได้ โดยเริ่มโครงการ "โรงไฟฟ้าชุมชน" เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ชุมชนเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า ชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงคือ โรงไฟฟ้าต้องดูแลชุมชนรอบพื้นที่ รับซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรจากชุมชนเข้ามาใช้ในโรงไฟฟ้า ดังนั้นชุมชนมีส่วนถือหุ้นในโรงไฟฟ้า ได้รับส่วนแบ่งจากการขายไฟฟ้า 25 สตางค์ต่อหน่วย มีรายได้จากการขายพืชพลังงานและให้เช่าที่ดินปลูกพืชพลังงาน อีกทั้งยังเกิดการจ้างงานเพิ่มในชุมชนอีกด้วย และยังมีโครงการต่อเนื่องของปีถัดไปคือ บี10 น้ำมันบนดินเพื่อเศรษฐกิจฐานราก โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 จะประกาศ บี 10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน เป็นการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เกิดสมดุลยภาพทั้งอุปสงค์และอุปทาน จะมีการใช้ปาล์มน้ำมันมาใช้ผลิตไบโอดีเซลเพิ่มมากขึ้น ปาล์มน้ำมันทั้งระบบจะ มีเสถียรภาพราคามั่นคง
น.ส.ทิพานัน กล่าวด้วยว่า ยังมีโครงการด้านแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับเกษตรกรให้กับผู้ยากไร้ผ่านวิธีการปฏิรูปที่ดินด้วยโครงการคืนโฉนดเพื่อให้เกษตรกรมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง และยังช่วยเหลือมอบสินเชื่อเงินกู้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแก่เกษตรกร มีนโยบายดูแลและส่งเสริมการประกอบอาชีพอย่างครบวงจรเพื่อให้เกษตรกรนำไปใช้พัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพของเกษตรกร มีการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยแลนวัตกรรม ยังร่วมพัฒนาแอปพลิเคชั่น Chaokaset (ชาวเกษตร) สำหรับเกษตรกรไทยให้ดาวน์โหลดฟรีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการวางแผนเพาะปลูกอีกด้วย
ส่วนกระทรวงศึกษา ดำเนินการพัฒนาวางรากฐานการศึกษาทั้งสายสามัญและสายอาชีวะ ในสายอาชีวะเน้นการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยครูเจ้าของภาษา พัฒนาความสามารถครูผู้สอน ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของสถานศึกษาทั่วประเทศเพื่อช่วยให้ครูและนักเรียนสามารถฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษได้ด้วยตนเอง