ปฏิรูปการเมือง ถอยหรือเดินหน้า?
ถึงแม้ฝ่ายรัฐบาลจะพลิกเกมกลับมาคว่ำญัตติตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบประกาศคำสั่งคสช.ตามมาตรา 44 เป็นผลสำเร็จ แต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างสะท้อนภาพความโกลาหลทางการเมืองในปัจจุบันได้ดี
ก่อนหน้านั้นเกิดปรากฏการณ์สภาล่ม 2 ครั้งซ้อนเพราะองค์ประชุมไม่ครบ
เป็นสัญญาณอันตรายบ่งบอกว่ารัฐบาลเรือเหล็กแป๊ะคนเดิมที่มีเสียงปริ่มน้ำ เสถียรภาพไม่น่าไว้วางใจ ประมาทเมื่อไหร่อับปางได้ทุกเมื่อ
สร้างความตื่นตระหนก ไม่พอใจอย่างมากให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาล ถึงกับฟิวส์ขาด พูดกลางวงประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นระดับแกนนำพรรคการเมือง ในเมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่อยู่ดีๆ คิดจะทำอะไรก็ทำ
"ถ้าผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้"
ผู้นำรัฐบาลยังได้คาดโทษการประชุมสภาวันที่ 4 ธันวาคม ถ้าหากองค์ประชุมไม่ครบอีกเป็นหนที่ 3 อย่างเบาก็ "ปรับครม." อย่างหนักคือ "ยุบสภา"
สำรวจตัวเลขส.ส.ในสภาผู้แทนฯ ล่าสุดมี 498 คน จากจำนวนเต็ม 500 ที่นั่ง
2 คนขาดไป คือ นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกจำคุกคดีจ้างวานฆ่า และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องคดีทุจริตเลือกตั้ง ต้องหยุดพักปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้น เพื่อไม่ให้องค์ประชุมล่มต้องใช้ส.ส. 249 เสียง
ก่อนการประชุมสภาวันที่ 4 ธันวาคม ส.ส.รัฐบาลมี 253 เสียง เกินองค์ประชุมมาเพียง 4 เสียง ยังไม่นับที่นอนป่วยมาไม่ได้อีก 1-2 คน
ตัวเลขนี้ทำให้รัฐบาลอยู่ในสภาพหายใจไม่ทั่วท้อง ทุกครั้งที่สภาประชุมพิจารณากฎหมายหรือญัตติสำคัญๆ ทั้งปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ เช่น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นต้น
ในช่วงการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายรัฐบาล
จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจตามที่นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมฝ่ายค้าน เผยว่า
ขณะนี้มีความพยายามยื่นข้อเสนอเพื่อ "แจกกล้วย" ให้ส.ส.ฝ่ายค้าน จำนวนที่ตั้งเป้าไว้ 20 คน เพื่อให้แปลงร่างเป็น "งูเห่า" ไปเข้ากับฝ่ายรัฐบาล
แลกผลประโยชน์ตัวเลขสูงถึง 8 หลักต่อคน
ชัยชนะรัฐบาลในสภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม แบ่งออกเป็นสองขยัก
ขยักแรก รัฐบาลสามารถผ่านด่านนับองค์ประชุมไปได้ด้วยจำนวนส.ส. 259 เสียง ขยักสอง รัฐบาลอาศัย "อภินิหาร" ทางข้อบังคับการประชุมสภาผ่านประธานในที่ประชุม ผลักดันให้มีการ "ลงคะแนนใหม่" หลังจากแพ้ฝ่ายค้านไปในครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน
กระทั่งสามารถคว่ำญัตติตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบประกาศคำสั่งคสช.ตามมาตรา 44 ลงได้ ด้วยคะแนนเสียง 244 ต่อ 5 งดออกเสียง 6
ชัยชนะที่ได้มาอย่างทุลักทุเลครั้งนี้ กล่าวกันว่าเป็นผลจากการจัดมีตติ้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลคืนก่อนหน้านั้น 1 วัน
พี่น้อง "3 ป." ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ควงแขนมากันครบ
เช่นเดียวกับแกนนำพรรคร่วมอื่นๆ ไม่ว่า "อนุทิน-ศักดิ์สยาม" จากพรรคภูมิใจไทย "จุรินทร์-เฉลิมชัย"จากพรรคประชาธิปัตย์ "กัญจนา-วราวุธ" จากพรรคชาติไทยพัฒนา "สุวัจน์-เทวัญ" จากพรรคชาติพัฒนา รวมถึงหัวหน้าพรรคเล็กหรือ "พรรคลิง" ที่ต่างก็มากันพร้อมหน้า
บรรยากาศสรวลเสเฮฮาต่างจากเมื่อตอนประชุมครม.ช่วงกลางวัน
สอดรับกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ประกาศอย่างมั่นใจรัฐบาลชุดนี้อยู่ยาวแน่นอน พร้อมปฏิเสธข่าวนายกฯ ขู่ปรับครม.-ยุบสภา สรุปว่าพรรคหลัก-พรรคร่วม-พรรคเล็ก เคลียร์ใจกันลงตัวในช่วงนาทีสุดท้าย
พรรคไทยศรีวิไลย์ของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคประชาธรรมไทยของนายพิเชษฐ สถิรชวาล ประกาศปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลิกทำตัวเป็น "ฝ่ายค้านอิสระ" กลับเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม
กระนั้นก็ตามจำนวนตัวเลขเสียงโหวตญัตติขอตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบฯ ม.44 ที่ออกมาเป็นเสียงไม่เห็นด้วย 244 เห็นด้วย 5
ประเด็นน่าสนใจคือใน 5 เสียงเห็นด้วย นอกจาก น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี จากพรรคอนาคตใหม่
อีก 4 คนเป็นส.ส.ประชาธิปัตย์ คือ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรี ธรรมราช นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี
ถึงแม้ 4 เสียงโหวตสวนของประชาธิปัตย์ จะไม่มีผลต่อชัยชนะในภาพรวมของรัฐบาล
แต่ก็แสดงให้เห็นว่ารอยร้าวภายในพรรคร่วมรัฐบาล ยังไม่สามารถประสานเยียวยาได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นโจทย์การบ้านที่ผู้นำรัฐบาลและพรรคแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ต้องรีบเร่งหาวิธีแก้ไขต่อไป เพื่อรอรับงานใหญ่ที่ใกล้ มาถึง
เช่นเดียวกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ปรากฏ 10 ส.ส.จาก 4 พรรค อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุมสภาให้กับฝ่ายรัฐบาลเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. จนถูกตีตรายี่ห้อ "งูเห่า"
ใน 10 คน แยกเป็นเพื่อไทย 3 คน ได้แก่ นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี, น.ส.พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี, นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.
อนาคตใหม่ 2 คน ได้แก่ นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี
เศรษฐกิจใหม่ 4 คน ได้แก่ นายภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางมารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชาติ 1 คน คือ นายอนุมัติ ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี
ล่าสุดพรรคต้นสังกัดสั่งตั้งกรรมการ สอบส.ส.เหล่านี้แล้ว ว่ามีพฤติกรรม "รับแจกกล้วย" จากการเมืองฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ ถ้าจริง จะกำหนดโทษตั้งแต่ไม่ส่งลงเลือกตั้งครั้งหน้า ขับพ้นพรรค ไปจนถึงแจ้งความคดีอาญา
ท่าทีพรรคเศรษฐกิจใหม่ ไม่ต่างจากการเป็น "ฝ่ายค้านอิสระ" สร้างความยินดีให้ฝ่ายรัฐบาล นำมาสู่กระแสข่าวการเจรจาดึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ซึ่งมีส.ส. 6 ที่นั่ง ย้ายขั้วเปลี่ยนข้างเข้าเสริมทัพรัฐบาลเร็วๆ นี้ อาจเป็นหลังปีใหม่
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ยังมีคิวประลองเสียงในสภาต่อเนื่อง
ตั้งแต่ญัตติขอตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่อด้วยการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระ 3 และญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
จะว่าไปแล้วเรื่องการทุ่มซื้อตัว "งูเห่า" มีมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำใหม่ๆ แล้วก็มีข่าวเช่นนี้มาตลอดเป็นระยะ เช่นเดียวกับข่าวพรรคแกนนำรัฐบาล ต้องคอย "แจกกล้วย" ให้กับ "พรรคลิง" เพื่อประคับประคองเรือเหล็กไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
ระหว่างทางการดำรงอยู่ของรัฐบาลจอมแจกกล้วย ถือเป็นยุคทองของ "พรรคลิง" และ "ส.ส.งูเห่า" โดยแท้จริง ภายใต้ข้อแลกเปลี่ยนสารพัดรูปแบบ
ภายใต้ "การปฏิรูปการเมือง" ที่เป็นเพียงวาทกรรมหลอกล่อให้คนหลงเชื่อ ไม่เคยเป็นจริงในทางปฏิบัติ
การเมืองไทยกำลังถอยเข้าสู่ยุค "มันนี่ โพลิติกส์" เต็มรูปแบบ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น