อุทธรณ์คดีนักการเมือง ยกฟ้องทักษิณ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมทีพีไอ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง อุทธรณ์คดีนักการเมือง ยกฟ้องทักษิณ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมทีพีไอ
วันนี้ เวลา ๑๑ นาฬิกา ศาลฎีกาอ่านคําพิพากษา (ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์) คดีหมายเลขดําที่ อม.อธ. ๔/๒๕๖๑ หมายเลขแดงที่ อม.อธ. ๖/๒๕๖๒ ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ นายทักษิณ หรือพันตํารวจโท ทักษิณ ชินวัตร จําเลย เรื่อง ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์มีคําพิพากษาในสาระสําคัญว่า แม้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงให้ อํานาจกระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จํากัด (มหาชน) หรือที่พี่ไอ ลูกหนี้ ก็ตาม แต่กระทรวงการคลังมีอํานาจหน้าที่หลักในการดําเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการพยุงสภาวะเศรษฐกิจของประเทศมิให้เกิดความเสียหายมากจน ยากแก่การแก้ไข การเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของที่พี่ไอซึ่งประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขนาดใหญ่ของ ประเทศ ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
หากทีพีไอไม่สามารถฟื้นฟูได้และตกเป็นผู้ล้มละลาย กิจการเหล่านั้น อาจหยุดชะงัก ประเทศชาติและประชาชนย่อมได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พฤติการณ์ย่อมมีความ จําเป็นอย่างยิ่งและเร่งด่วนที่กระทรวงการคลังจะต้องดําเนินการ เมื่อได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือ กระทรวงการคลังจึงเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนของที่พี่ไอได้
ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จําเลยเป็นผู้ริเริ่ม ผลักดัน สั่งการ และเป็นตัวการร่วม รวมถึงไม่ทักท้วง การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อเปลี่ยนจากวาระเพื่อทราบเป็นวาระเพื่อพิจารณามีผลให้กระทรวงการคลัง เข้าเป็นผู้บริหารแผนของทีพีไอ โดยมีเจตนาครอบงํากิจการของทีพีไอกับเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง นั้น ข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าจําเลยเชิญตัวแทนของเจ้าหนี้ และผู้บริหารของทีพีไอเข้าหารือที่บ้านพิษณุโลก เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของทีพีไอและการตั้งผู้บริหารแผนคนใหม่เท่านั้น แต่ที่ประชุมเจ้าหนี้มิได้เลือก กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามข้อเสนอของจําเลย หลังจากนั้นจําเลยก็ไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องกับเหตุในคดีนี้ อีก ทั้งต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งไม่ตั้งบริษัทบริหารแผนไทย จํากัด เป็นผู้บริหารแผนตามมติที่ประชุม เจ้าหนี้ โดยเห็นควรขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนหากกระทรวงการคลังยินยอม
ซึ่งในท้ายที่สุด ที่ประชุมเจ้าหนี้และทุกฝ่ายยินยอมให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผน และศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งตั้ง กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหารแผนตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วส่วนข้ออ้างเกี่ยวกับการครอบงํากิจการของที่พี่ไอ โดยอ้างคํากล่าว "นายอยากได้" คําว่า นาย หมายถึงจําเลย ผู้ที่พูดข้อความคือร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ไม่ใช่จําเลย จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า มีน้ำหนักน้อย ส่วนที่จําเลยเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของทีพีไอ เป็นเพียงการเสนอความเห็นเบื้องต้นแก่รัฐมนตรีว่าการ - กระทรวงการคลังในเรื่องที่นํามาปรึกษาเท่านั้น และจะได้รับการแต่งตั้งหรือไม่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของ กฎหมายอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อไม่ปรากฏว่าจําเลยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอ หรือการ บริหารกิจการ หรือเข้าไปรับโอนถือครองหุ้นของทีพีไอ จึงรับฟังไม่ได้ว่าการเสนอชื่อคณะผู้บริหารแผนของ จําเลยเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง สําหรับข้ออ้างที่ว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนของที่พีไอให้แก่หน่วยงานในกํากับ ดูแลของกระทรวงการคลังและศาลฎีกามีคําพิพากษาให้กระทรวงการคลังคืนเงินค่าจ้างบริษัทซินเนอจี โซลูชั่น
จํากัด ที่บริหารจัดการกิจการทรัพย์สินของที่พี่ไอให้แก่ทีพีไอ ทําให้ที่พี่ไอและกระทรวงการคลังได้รับความ เสียหายนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลล้มละลายกลางมีคําสั่งตั้งให้กระทรวงการคลังเป็นผู้บริหาร แผนของทีพีไอแล้ว หากทีพีไอหรือกระทรวงการคลังได้รับความเสียหายอย่างไร ทีพีไอหรือกระทรวงการคลัง ก็อาจไปว่ากล่าวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป เมื่อไม่ปรากฏในทางไต่สวนว่า จําเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นหรือ มีพฤติการณ์ที่บ่งชี้ได้ว่า จําเลยมีเจตนาพิเศษประสงค์ต่อผลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น การกระทํา ของจําเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ ตามฟ้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น