บิ๊กแดง น้ำตาคลอ! ซัดพวกปลุกคอมมิวนิสต์ ฮ่องเต้ซินโดรม ค้านซื้ออาวุธ “หนักแผ่นดิน”

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง "แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง" ที่ หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก โดยได้กล่าวถึงเหตุการณ์ภัยคอมมิวนิสต์ในอดีตมาถึง "สงครามลูกผสม" หรือ "สงครามไฮบริด" ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเป็นที่นาสังเกตุว่า ในบางช่วงที่ พล.อ.อภิรัชต์ บรรยายถึงเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ประวัติศาสตรชาติไทยในอดีตนั้น ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในอดีตมีพวกคอมมิวนิสต์ที่หลงผิดเข้าป่า แต่คิดได้ว่าระบบคอมมิวนิสต์ ไม่ดีอย่างไร สอนให้คนเป็นอย่างไร มีคนกลับตัวกลับใจ แต่ยังคงมีไอ้คนหัวเดิมๆ มาเป็นนักการเมือง นักวิชาการ ฝังชิพเรื่องความเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ได้หันไปกล่าวถึง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส. ผู้ก่อตั้งสำนักข่าวทีนิวส์ บอร์ดสื่อเครือดัง ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้อง- สถาบันพระมหากษัตริย์ ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ในอดีต ที่กลับใจแล้ว

จากนั้น พล.อ.อภิรัชต์ ได้ขึ้นภาพและข้อความ ‘โจชัวหว่อง' พร้อมกล่าวว่า วันนี้ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีน ถามว่าวันนี้ใครอยากไปฮ่องกง เขาเกิดเหตุการณ์อะไร แต่มีบางคนไปพบ และการที่โจซัวหว่องมาไทย เคยมาพบกับใคร มาพบกับคนประเภทไหน มาไทยเพื่อมาวางแผนอะไรหรือเปล่า หรือมาสมคบคิดอะไร พร้อมการไปเยี่ยมในลักษณะแบบให้กำลังใจและให้การสนับสนุนด้วย ไปหาดูได้ในสื่อต่างๆ

ทั้งนี้ฮ่องกงเป็นเกาะ เคยเป็นอยู่ภายใต้อังกฤษ ที่ตนพูดถึงภูมิศาสตร์ เพราะแตกต่างจากไทยที่เป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน ซึ่งคนที่ออกมานั้นวัยรุ่นทั้งนั้น ตนจึงขอถาม นศ. ว่า คนที่ปลุกปั่น คนที่ใช้กำลังโซเชียลฯ การโฆษณาชวนเชื่อมาดึงเลท มาปั่นสมอง แล้วให้ออกมาแบบฮ่องกง จำภาพเหตุการณ์บ้านเมือง ปี2552-53 ได้หรือไม่ นักเรียนและนักศึกษาที่ตนไปพบต่างไม่ทราบและลืมเหตุการณ์เหล่านี้ไปแล้ว

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ตนและกองทัพไม่ได้บอกว่า รธน. แก้ไม่ได้ แต่ที่มีการเสนอแก้ไขมาตรา 1 ในเวทีเสวนาที่ จ.ชายแดนภาคใต้นั้น อยากจะชี้แจงว่า มาตรานี้เกี่ยวกับความมั่นคง ที่เกี่ยวกับเลือดเนื้อบรรพบุรุษที่รักษาขวานทองไว้ ขอบอกว่าไม่มีวัน ตนตายไป ทหารรุ่นใหม่ก็เกิดมาทดแทน มีประชาชนมาปกป้อง อีกทั้ง รธน. บนโลก ไม่มีบอกว่าแบ่งแยกดินแดนได้ ซึ่งการแก้มาตรา 1 ก็จะกระทบ มาตราและหมวดอื่นๆ โดยกระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ที่ไม่พูดออกมาตรงๆว่าอยากแก้อะไร เป็นความชาญฉลาดของนักวิชาการ ตนไม่ยุ่งการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
นอกจากนี้ กองทัพรับใช้ทุกรัฐบาล ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่มีการเลือกนาย แต่กลุ่มคนพวกนี้รู้ดี ไม่ได้ดูทหารเพื่อปกป้อง รธน. ปกป้องบ้านเมือง แต่มองทหารเป็นอุปสรรต่อประชาธิปไตย ซึ่งทหาร ตร. ก็คือประชาขน เมื่อไม่ได้สวมเครื่องแบบ มีเหตุผลอะไร เพราะทหารคือหลักของความมั่นคง แกป้องอธิปไตย จึงมีวาทกรรม หวังผลทางการเมือง เอาใจวัยรุ่น เช่น เสนอไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ก.กลาโหม-กองทัพ จัดซื้ออาวุธทำไม หนักแผ่นดิน

จากนั้น พล.อ.ออภิรัชต์ ยังกล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนเลือกว่า อยากให้ใครแก้ไขปัญหาความมั่นคงของประเทศ เป็นกลุ่ม นักวิชาการ ที่หาข้อมูลด้วยการใช้มือไถแท็บเล็ตหาข้อมูล และสมคบคิด กับพวกนักเรียนรอก ซ้ายจัดตัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิยม และชอบใช้ 2475 เป็นตัวชี้นำ อ้างว่าตัวเองเป็น ประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง

หรือ ให้พวกนักการเมืองบางคน นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวไม่นึกถึงส่วนรวม หรือนักการเมือง ที่อยู่ในภาคใต้ เอาเรื่องศาสนา การแบ่งแยกดินแดน หรือจะเชื่อกกลุ่มนักการเมือง ผึ้งแตกรัง ลูกพี่หนีคดีไปต่างประทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ ที่ชีวิตเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง มีฤติกรรมร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรม ล้างสมองคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน เรียกว่า ฮ่องเต้ซินโดรม