นายประชัยนั้นเก่งทุกเรื่อง แต่เรื่องการเมืองนั้นนายประชัยก็คือเด็กอนุบาลที่ไม่รู้จักคนและการเมือง ที่พูดแบบนี้เพราะรักและเป็นห่วงน้องนุ่งลูกหลาน แต่ขอบอกว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
'ผมก็ผ่านการพิสูจน์โดยประชาชนที่ผูกพันได้ตัดสินไปแล้วหลายครั้ง เพราะความจริงในเรื่องสัจจะวาจา ก็ยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในภาคเหนือบางส่วน ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคตะวันออกที่ยังผูกพันและเชื่อมั่น' นายเสนาะกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนัดคุยกับนายประชัยใหม่หรือไม่
นายเสนาะกล่าวว่า สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดมันก็ยังเกิดเลย มันเกิดแบบสายฟ้าแลบเสียด้วย เพราะมีการเยินยอว่าเก่งจนสามารถเป็นหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี เมื่อได้ยินประโยคนี้เองกับหูก็ยังคิดว่าน่าจะยุ่งแล้ว และเรื่องมันเลยมาถึงตอนนี้ ก็อยากฝากความเป็นห่วงเป็นใยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อถามว่า นายประชัยสามารถเป็นนายกฯได้หรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า ทำไมจะไม่ได้หากประชาชนเลือก เมื่อถามว่า แสดงว่ากลุ่มมัชฌิมาหักหลัง นายเสนาะกล่าวว่า ไม่ ขอย้ำว่าเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่กลุ่มนายประชัยลาออก มีความสุขและสบายใจที่สุด ไม่มีอะไรหนักหัวในเรื่องส่วนตัวเลย
เมื่อถามว่า ในอนาคตจะจับมือกับพรรคมัชฌิมาธิปไตยในการตั้งรัฐบาลได้หรือไม่
นายเสนาะกล่าวว่า'ยังพูดไม่ได้ เพราะพรรคประชาราชเป็นพรรคเล็ก นายประชัยไปจากพรรคประชาราชแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรไปสู้เลย ผมเป็นนักการเมืองเก่าแต่ไม่เคยทำอะไรผิดและคิดมิชอบกับใคร ไม่เคยพูดเลอะเทอะ ใครที่เป็นมหาเศรษฐีผมก็ไม่เคยไปแบมือขออะไร'
เมื่อถามว่า กลัวนายประชัยหรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า ไม่กลัว เป็นห่วงมากกว่าเพราะเคยผูกพันกันมา
เมื่อถามว่า แสดงว่านายประชัยโดนหลอกไป นายเสนาะกล่าวว่า นายประชัยทำตัวเองนะ เรื่องที่เกิดขึ้นได้ย้ำว่ามันเป็นสายฟ้าแลบ เมื่อถามว่าแบบนี้จะไปรอดหรือไม่ นายเสนาะกล่าวว่า ไม่วิเคราะห์ แต่พูดไปเพราะเป็นห่วง โดยมองว่าเรื่องนี้ตัดสินใจไวไปนิด
'ขอเรียนว่าเป็นห่วง ตอนนั้นเมื่อผูกพันกันก็เร่งเร้าผมให้เร่งอนุมัติผู้สมัคร บางคนก็เร่งผมให้อนุมัติผู้สมัคร ส.ส. 20-30 คน ใน กทม.ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางอะไรเลย แต่กลุ่มนั้นวางไว้แล้ว แต่หากไปทำแบบนั้นมันก็ชนกับพันธมิตรของพวกเรา การชนในบางเขตก็ไม่เป็นไร แต่กลับไปให้สัมภาษณ์อัดพันธมิตรทางการเมืองด้วยกันนั้นแล้วจะตั้งรัฐบาลร่วมกันได้อย่างไร' นายเสนาะกล่าว