แตกหัก! เสรีพิศุทธ์ ขู่ฟ้องกลับ ชวน หลังถูกสั่งเบรกห้ามเปิดคลิปอภิปราย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร่วมลงนามกับ 7 พรรคฝ่ายค้าน เพื่อชี้แจงและขอความอนุเคราะห์ในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลต่อ กับ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เนื่องจากที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ถูกสั่งห้ามอธิปราย รวมถึงสอบถามข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมายว่าจะสามารถใช้คลิปวีดีโอต่างๆประกอบการอภิปรายได้หรือไม่ เพราะวันนี้ตนเองไม่สามารถที่จะพูดได้ เนื่องจากต้องการที่จะนำคลิปหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อการอภิปรายไปเปิดในที่ประชุมแต่ไม่ได้รับการอนุญาต จึงเกิดการตั้งคำถามว่า ทำไมไม่ให้อภิปรายและประธานไปตกลงอะไรกับใครไว้ ส่วนตัวมองว่าประธานรัฐสภาไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมและไปตัดสินห้ามไม่ให้พูดทั้งๆ ที่มีเวลาเหลืออยู่ 35 นาที 51 วินาที จากเดิมที่มีสิทธิ์ 45 นาที หากไม่ให้พูดก็จะใช้สิทธิ์ดำเนินคดีตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา157

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ยังพูดถึงกรณี ที่นายชวนหลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า "หากจะถูกดำเนินคดีก็เชิญสิ" ส่วนตัวจึงขอรับคําท้าในฐานะที่ตัวเองเป็นโจทก์และนายชวนเป็นจำเลย และขอให้นายชวนไปแก้ตัวกับศาลก็แล้วกัน ส่วนตัวมีความเคารพกับนายชวน หลีกภัย มานานแล้วก่อนหน้านี้ สมัยที่นายชวน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองก็รับราชการซึ่งต่างฝ่ายต่างก็เอื้อกันมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมานายชวนขออะไรตนเองก็ให้ตลอด พร้อมพูดตัดพ้อว่า "นายชวนไม่ใช่คนชวนคนเก่า เป็นคุณชวนคนใหม่ ส่วนจะดีหรือเลวยังไงขอไม่พูดขอให้ทุกคนไปพิจารณากันเอาเอง"

สำหรับหัวข้อการอภิปรายของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์เตมียเวส ที่คงเหลืออยู่และต้องการที่จะอธิบายในวันนี้มี 2 ประเด็นคือ ประเด็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลขาดต่อรัฐธรรมนูญเนื่องจากไม่มีการชี้แจงที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 162 และ การถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรีที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา มาตรา 115 ส่วนตัวมองว่าเป็นการจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเนื่องจากคำปฏิญาณของคณะรัฐมนตรีขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

ด้านนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ได้ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภาวันนี้ว่า เกิดความไม่ชอบธรรมตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ผู้ใดจะไปครอบงำบังคับขู่เข็ญให้บุคคลอื่นๆทำการกระทำใดๆไม่ได้ เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในสภาผู้แทนราษฎร วันนี้เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพของสมาชิก โดยจะไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับเหตุการณ์นี้ ทั้ง 7 พรรคมีความเห็นร่วมกันว่า จะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภาเพื่อ ชี้แจงว่าการอภิปรายของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เป็นเอกสิทธิ์เป็นสิทธิที่ทำภายใต้กรอบกำหนด โดยเฉพาะเรื่องของเวลาบุคคลที่ถูกคำนวณจากทุกฝ่ายของ 7 พรรคการเมืองซึ่งไม่ได้ล่วงเกินเวลาแต่อย่างใดซึ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ข้อบังคับ และ 7 พรรคฝ่ายค้าน ได้เวลาการอภิปรายทั้งสิ้น 13 ชั่วโมงเศษ ก็ได้แบ่งเวลาให้แต่ละคนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นสิทธิ์ของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ประธานรัฐสภาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดเวลาจึงขอให้พิจารณาคืนสิทธิ์และอนุญาตให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กลับไปอภิปราย

ส่วนเรื่องที่ 2 หลังจากที่มีการยื่นหนังสือแล้วจะขออนุญาตหารือประธานในสภาเพื่อจะบอกกล่าวหรือตกลงข้อบังคับร่วมกัน เพื่อประธานจะได้วินิจฉัยว่าเป็นสิทธิ์ที่จะได้รับกลับคืนมาและในอนาคตจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ส่วนเรื่องที่ 3 หากมีการดำเนินการใดๆ ตามที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ จะทำหลังจากนี้เป็นสิทธิส่วนตัวว่าจะเป็นการดำเนินคดีทางกฎหมายอาญาหรือวิธีทางการเมืองที่จะยื่นในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับบุคคลที่ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อยากจะทำถึงขนาดนั้นจึงเรียกร้องของความเป็นธรรมต่อประธานรัฐสภา.