ลากไส้ใครบ้าง!‘ หมอพรทิพย์’ ชำแหละเบาะๆ 6ประเด็นตัวตน‘ นักการเมือง’
เรื่องแรก การเลือกตั้งครั้งนี้มีการวางแผนแตกแบ๊งค์พัน ออกเป็นแบ๊งค์ย่อยที่ชัดเจนโดยผู้วางแผนที่ไม่ใช่ประธานยุทธศาสตร์พรรคใหญ่แน่นอน แล้วใครคือผู้บงการ แสดงว่าผู้สมัครในพรรคต้องรับรู้และยินยอม การที่มีอดีตนักการการเมืองที่เป็นที่ปรึกษาพรรคที่ถูกยุบให้สัมภาษณ์ในเชิงว่าไม่เคยทราบเรื่องการดึงฟ้าต่ำ แต่กลับมาแสดงความก้าวร้าว ตำหนิติเตียนคนอื่นทั้งที่ความล้มเหลวเกิดจากตัวเขาเองไม่ใช่รัฐธรรมนูญหรือระบบแต่อย่างใด
ประเด็นที่สอง มีการวางแผนคลาดเคลื่อนแบบตกม้าตายทั้งตอนต้น และตอนจบ แล้วแบบนี้จะสามารถบริหารประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองได้หรือ
ประเด็นที่สาม การเมืองต้องใช้เงิน บางพรรคเลี้ยงโต๊ะจีนจนมีประเด็นครหา แต่อีกหลายพรรคไม่เห็นสื่อไปขุดคุ้ยตรวจสอบโดยเฉพาะนโยบายแตกแบ๊งค์พันว่า งบที่ใช้มาจากไหน สัจธรรมที่แน่นอนคือเมื่อลงทุนก็ต้องเอาคืน ระยะหลังประเทศไทยมีธุรกิจประชาธิปไตยจนนำพาไปสู่หายนะหลายเรื่องแล้ว
ประเด็นที่สี่ ผู้ที่เป็นผู้นำพรรคต่างๆ มีบุคคลิกทั้งเงียบแบบสุภาพ เงียบแบบคุมเชิง หลายคนก้าวร้าว เกรี้ยวกราดดุดันแบบด่ากราด บางคนดูต่ำทราม แบบนี้จะบริหารบ้านเมืองได้อย่างไร ที่ผ่านมาคนไทยจำนวนมากก็สะท้อนมาตลอดว่าไม่ชอบผู้นำเจ้าอารมณ์
ประเด็นที่ห้า ท่าทีของอดีตนายกที่หนีคดีแสดงความเห็นแสดงอารมณ์ ที่สำคัญที่สุดให้สัมภาษณ์ทำลายประเทศไทยอย่างบิดเบือนแบบตัวอยู่ไกล ฟังเพียงการรายงานแต่กลับพูดเหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ เลือกเชื่อข้อมูลที่ตนเองได้ประโยชน์ คนแบบนี้ไม่ควรได้รับโอกาสกลับมานำประเทศ แต่ต้องกลับมาสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อนเพราะคนไทยทุกคนก็ต้องอยู่ในกฎกติกานี้กันทุกคน
ประเด็นที่หก พรรคการเมืองที่เป็นระบบพรรคชัดเจนไม่มีนายทุนเฉพาะ แต่ที่ต้องพ่ายในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพราะผู้สมัครไม่ดี แต่ประชาชนห่วงว่าจะจัดการกับปัญหาทางการเมืองที่เป็นอยู่ไม่สำเร็จ เพราะเล่นการเมืองแบบการเมือง ช่วงเวลานี้จึงควรปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับการเมืองไทย จากการเป็นข้าราชการมาสามสิบสามปีได้ทำงานกับนักการเมืองทุกรูปแบบ แต่งานที่ขับเคลื่อนได้มากมายกลับเป็นช่วงที่มีรัฐมนตรีทหาร ที่สำคัญไม่ใช่เพราะรัฐบาลปฏิวัติแน่นอน คุณภาพของคนจึงสำคัญยิ่งกว่าพรรคหรือระบบ