ธนาธร ชื่นชม คนกล้า ยินดีถอนฟ้องรีไรท์เตอร์ Tnews ลั่น! ไม่เคยคิดว่าสื่อเป็นศัตรู
ทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียงขึ้นในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ขอให้ถือเสมือนว่าเป็นคำแถลงและข้อชี้แจงต่อจุดยืนทางการเมืองของข้าพเจ้า นายเอกชัย เรืองฉาย หาได้เกี่ยวข้องหรือเป็นในนามองค์กรใดทั้งสิ้น
ผมจบการศึกษา ป.ตรี สาขา รัฐศาสตร์จาก ม.รังสิต ปีการศึกษา 2560 แม้จะไม่ได้มีความตื่นตัวทางการเมืองมากนัก แต่ตลอดชีวิตการเป็นนิสิต ก็ทำให้ผมได้ตื่นรู้ถึงความเสื่อมทรามของสภาพการเมืองไทย ที่ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้ความศิวิไลซ์หรือมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย หากจะมีก็เพียงไม่กี่ขวบปีพอให้ผู้ฝักใฝ่เสรีประชาธิปไตยได้ดมดอมความหอมหวาน ก่อนจะถูกอำนาจอื่นเข้าช่วงชิง เป็นวงจรและวัฏจักรไม่จบสิ้น นับเป็นเรื่องน่าสลดยิ่ง
อาจด้วยตำราที่ผมนั้นยึดเป็นธงแนวคิดในการศึกษาด้านการเมือง จะเป็นใครอื่นไม่ได้หากไม่ใช่ อาจารย์ชาญวิทย์ ผู้ที่ผมยกให้เป็นบรมครูด้านประวัติศาสตร์การเมือง หากทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากทัศนะทางการเมืองของอาจารย์ประจำภาค (บางท่าน) ที่ผมรับเอามาเป็นแนวทาง และต่อยอดด้วยงานวิชาการที่มีความลึกซึ้งและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
พลันที่พ้นรั้วมหาลัย ผมลุ่มๆ ดอนๆ อยู่พักใหญ่ จากการถูกปฏิเสธงานในทุกๆ ครั้ง แต่ด้วยสถานะทางการเงินและความจำเป็น บีบให้ผมตระหนักได้ว่านอกจากวุฒิรัฐศาสตร์ ตัวผมพอจะคลุกคลีด้านการอ่าน และงานเขียนอยู่บ้าง จากการง่วนอยู่กับหนังสือสะสมเพิ่มพูนความรู้นอกเวลาเรียน
ผมตัดสินใจลองสมัครตำแหน่ง รีไรท์เตอร์ โดยที่พบว่าสำนักข่าวส่วนใหญ่ต้องการประสบการณ์อย่างน้อย 1 ปี มีเพียงองค์กรแห่งนี้ที่ "ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่"
ผมได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว สังกัดทีมสังคมเรื่อยมา จนกระทั่งงานบทความเชิงประวัติศาสตร์การเมืองที่ผมเขียนโดยพลการเพราะนึกอยากเขียนเชิงวิเคราะห์ตามทัศนะของตน ไปเข้าตาระดับผู้บริหาร แต่ด้วยประเด็นที่นำเสนอขัดกับจุดยืนทางการเมืองขององค์กร ผมได้รับคำสั่งให้แก้ไขโดยด่วน
แต่ผลสะท้อนหลังจากนั้น คือการที่ผมต้องตกกระไดพลอยโจนถูกดึงไปสังกัดทีมการเมือง โดยที่มุมข่าวและรูปแบบการทำงานของทีมการเมืองต่างจากทีมอื่นอย่างสิ้นเชิง
ธงข่าวจะถูกกำหนดโดยผู้บริหาร ทุกเช้าจะมีการบรีฟประเด็นประจำวันให้สมาชิกทีมรับผิดชอบ โดยที่ไม่อาจแสดงความเห็นต่างให้ประเด็นกลายเป็นอื่น หากผิดเพี้ยนไปจากมุมที่องค์กรกำหนด นั่นหมายถึงการนำมาซึ่งปัญหากับผู้บริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งรูปแบบการทำงานและทัศนะทางการเมืองของตนที่ถูกกดทับและความเป็นอำนาจนิยม ทำให้ผมตัดสินใจส่งจดหมายสมัครงานในองค์กรอื่น พร้อมเตรียมสอบราชการเพื่อความมั่นคงในชีวิตภายภาคหน้าควบคู่ไปด้วย
วันที่ผมนำข้อเขียนดังกล่าวที่เป็นปัญหามาเผยแพร่ต่อ ผมไม่ได้มีความคิดและเจตนาอันใดซับซ้อนมากไปกว่า ทำโควต้าข่าวประจำวันให้ครบตามมุมที่องค์กรกำหนด เพื่อที่ผมจะได้มีเวลาพักประจำวันนานขึ้น
เพราะความเขลาต่อโลกของสื่อมวลชนที่ไม่ทราบแม้กระทั่งว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อจะมีโทษรุนแรงในระดับใด
ผลจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในวันนั้น ทำให้ผมได้รับบทเรียนราคาแพงในชีวิต วันที่ปรากฏชื่อผมเองในข่าว
เป็นเรื่องน่าหดหู่ยิ่ง ที่ผมประสบพบภาพของคนที่ถูกครอบงำด้วยโทสะจริต เพียงเพราะเขาเชื่อว่า อาจารย์ปรีดีและคณะราษฎรเป็นความเลวร้าย ในขณะที่ผมมีความเชื่อที่ต่างไปจากนั้น ทำให้ผมพบความจริงที่ว่า วังวนของความขัดแย้งที่ผมจำต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เกิดขึ้นเพียงเพราะเราเข้าใจต่อเหตุการณ์ในอดีตที่ต่างกัน แค่เพียงกระนั้นหรือ?
วันนี้ผมถลำลึก แต่ก็เชื่ออย่างถึงที่สุดว่า ไม่สายเกินที่ผมจะขอถอยออกจากที่แห่งนี้ โดยที่ไม่ขอทรยศต่ออุดมการณ์ของตนต่อไปอีก พร้อมขอรับผิดชอบด้วยการยุติบทบาทและหน้าที่ ด้วยการลาออก
ความใฝ่ฝันในอนาคต จากอุดมการณ์ที่ผมขอถือร่วมในฐานะหนึ่งในผู้ฝักใฝ่และถวิลหาเสรีประชาธิปไตย
หวังว่าลูกหลานของเราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้แง่มุมเดียวกัน ดังที่ควรจะเป็นในสังคมอารยะที่ ไม่ควรเกิดมีความขัดแย้งขึ้นเพียงเพราะความเห็นต่าง
รากของปัญหาที่แท้จริงอาจไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการตีความที่มาของระบอบประชาธิปไตยและเหตุการณ์ในอดีตที่ต่างกัน
และ ไม่ว่าท้ายสุดแล้วเสียงของผม รวมถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกถ่ายทอด จะส่งถึงพี่เอกหรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอยืนยันในการสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อย่างไม่เปลี่ยนแปร
"เชื่อว่ามันไม่มีหรอกความพร้อม ถ้าคุณรอให้คุณพร้อม คุณก็จะไม่ได้ทำอะไรเลย" ขอบคุณคำพูดของพี่เอก จากเพจ 'อนาคตใหม่-อยุธยา' ที่ทำให้ผมกล้าตัดสินใจ ลุกขึ้นมาถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นสัจจะ เป็นความจริง หาใช่ความเท็จที่ไม่ควรปรากฏมีขึ้นจากการถ่ายทอดผ่านสื่อ ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย"
" เรื่องเกิดขึ้นเมื่อผมและพรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจฟ้องร้องทีนิวส์กรณีเขียนข่าวบิดเบือนใส่ร้ายโจมตีเรา โดยยกข้อเขียนของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่กล่าวหาพวกเรา ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพวกเราเป็นอันตรายและต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อเช้า ผู้ที่เป็นมือเขียนข่าวชิ้นนี้จากทีนิวส์ก็ได้ออกมาเปิดใจว่าเขาได้ตัดสินใจลาออกจากทีนิวส์ โดยยอมรับว่าเขาไม่ได้เขียนข่าวไปตามหลักเสรีภาพสื่อ และจากนี้ต่อไปไม่สามารถทำงานที่ต้องทรยศอุดมการณ์ตนเองได้อีก
ผมอยากให้ทุกท่านลองเปิดใจและใช้เวลาอ่านข้อเขียนของท่านนี้ดู โดยส่วนตัวผมชื่นชมคนเช่นนี้มาก คนที่ "กล้า" เผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้องด้วยความจริง คนที่กล้าลุกขึ้นมาพูดว่าสิ่งนี้ไม่เป็นธรรม คนที่เป็นผู้ "เริ่ม" สร้างความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันจะเจ็บปวดหรือยากลำบากมากแค่ไหนก็ตาม เพราะหวังว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นจะทำให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้นได้
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมสังเกตเห็นคนทำงานวิชาชีพสื่อมวลชนได้ "กล้า" ลุกขึ้นมาพูดความในใจและความจริงเพิ่มมากขึ้นทีละคน ทีละคน
ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด ผมอยากขอให้ผู้ที่ทำงานวิชาชีพสื่อสารมวลชนเช่นท่านทั้งหลายนี้ มีความกล้าที่จะเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงบ้าง ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าสังคมเราจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน
สุดท้าย ผมและพรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจจะถอนฟ้องคดีที่เราฟ้องมือเขียนข่าวของทีนิวส์ท่านนี้
แน่นอนที่สุด การตัดสินใจเช่นนี้อาจขัดใจผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมอยากให้ทุกท่าน "กล้า" เอาชนะความเท็จด้วยความจริง "กล้า" ให้อภัยผู้ที่เคยผิดพลาดและโอบรับพวกเขาไว้ด้วยความอารี "กล้า" บอกว่าเราพอแล้วกับความขัดแย้งเช่นนี้ และ "กล้า" ยืนยันในแนวทางจุดยืนอุดมการณ์ของพวกเรา ว่าเราจะเดินหน้าทำงานการเมืองด้วยความสร้างสรรค์ ด้วยความหวัง ด้วยความจริง และด้วยความฝันที่จะเห็นสังคมนี้ ประเทศนี้ ดีกว่าที่เป็นอยู่"
เรียบเรียง : ทีมงาน Teenee.com