ความจริง! ทักษิณ ปลดแอกไทย จากหนี้ IMF หมดก่อนกำหนด หาเงินจากไหนไปดู!
1. เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เบิกเงินที่รัฐบาลชวลิตทำสัญญากู้ IMF ไว้ทั้งหมด 17,200 ล้านดอลลาร์ แต่ประชาธิปัตย์เบิกมาใช้แค่ 14,200 ล้านดอลลาร์ ทำให้ประหยัดไปได้ถึง 3000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเรื่องเบิกมาไม่หมดนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ แต่เงินที่ประหยัดได้จากการที่ประชาธิปัตย์เบิกมาใช้ไม่หมดก็ไม่ได้แปลว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคน "ปลดหนี้" IMF ให้ประเทศอยู่ดี !
2. ดร.รัชดา ธนาดิเรก แห่งพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่ายุคชวน2 เศรษฐกิจเริ่มดี GDP เริ่มบวก ทำให้รัฐบาลชวน2 มีรายได้เพียงพอที่จะทยอยใช้หนี้ IMF ได้บ้างแล้ว
ซึ่งก็แหงแหละค่ะ ถึงรอบดิวคุณก็ต้องดิ้นรนจ่ายเขาเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประชาธิปัตย์จะเป็นคนปลดหนี้ IMF อีกนั่นแหละค่ะ
เพราะประชาธิปัตย์ใช้หนี้ไปเพียง 2% ของเงินเบิกใช้
ตามข้อเท็จจริงที่นายกทักษิณประกาศต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ ในวันปลดหนี้ก้อนสุดท้าย ณ ศูนย์แถลงข่าว ทำเนียบรัฐบาล วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2546 เวลา 20.30 น. ว่า "เราได้มีการเบิกเงินมาใช้จริงประมาณ 510,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลที่แล้ว (ชวน2) ได้ใช้หนี้ส่วนนี้ไป 10,000 ล้านบาท (2%) เหลือหนี้ทั้งหมด 500,000 ล้านบาท (98%) รัฐบาลนี้ได้เข้ามาทำงาน 2 ปีครึ่ง ได้ชำระหนี้ทั้ง 500,000 ล้านบาทหมดในวันนี้ ทำให้เราถือว่าหมดพันธะต่อการที่ต้องพึงปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีไว้ต่อไอเอ็มเอฟ"
ฟังชัดๆ 98% ของหนี้ IMF นะคะ ที่รัฐบาลทักษิณเป็นคนชำระให้จนหมดสิ้น!!
แต่ชวน หลีกภัย2 แห่งประชาธิปัตย์ต่างหาก ต้องโดน IMF บีบให้ออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับเมื่อปี 2542 ก่อนจะเบิกเงินกู้มาใช้ได้ ซึ่ง 2 ใน 11 ฉบับ ก็คือ "แปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เอกชนถือหุ้น" และ "ให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 50ปี ต่อสัญญาได้อีกครั้งละ 50ปี เท่ากับ 100ปี"
3. แถมยังบอกว่า นายกทักษิณไม่ได้ใช้หนี้งวดสุดท้ายด้วยเงินที่หามาได้เองหรอกนะ แต่ไปกู้ธนาคาร ADB มาโปะต่างหาก และ การกู้เพื่อใช้หนี้ก่อน 2 ปี ทำให้ต้องเสียค่าปรับ 2% ด้วย
ปีใหม่ลงทุนค้นด้วยตนเอง และ พบข้อมูลซึ่งสามารถยืนยันได้ล้านเปอร์เซ็นต์ ว่า "นายกทักษิณไม่ได้กู้ธนาคาร ADB มาใช้หนี้ IMF แน่นอน"
เช็คสถานะเงินกู้ของประเทศไทย จากเว็บ ADB ในช่วงเวลาที่นายกทักษิณปลดหนี้ IMF เมื่อปี 2003 (พ.ศ.2546) ก็ไม่มีการบันทึกว่ามีการกู้เงินแต่อย่างใด ดูจากลิงค์นี้http://bit.ly/2p6ycNp คีย์คำว่า Thailand ลงไปในช่อง search จะขึ้นข้อมูลการกู้เงินทุกงวดของประเทศไทย ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวนหลายครั้งมาก แต่ไม่มีข้อมูลช่วงก่อนหน้า หรือ ใกล้เคียงเดือนที่นายกทักษิณแถลงชำระหนี้ IMF งวดสุดท้ายแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก TDRI (Thailand Development and Research Institute) มีการกู้จาก ADB ร่วมกับกู้ IMF ด้วยจริง แต่เป็นการกู้ในปี 1997-1998 (พ.ศ.2540-2541) ยุคของพล.อ ชวลิต ต่อเนื่องยุคชวน หลีกภัย2 (เป็นเพียงส่วนหนึ่งในจำนวนสัญญากู้ 17,200 ล้านเหรียญซึ่งเป็นก้อนเต็มแต่ไม่มีระบุไว้ว่าเฉพาะ ADB เป็นจำนวนเท่าใด) ซึ่งเป็นการกู้ระยะสั้น 34 เดือนเท่านั้น หาใช่การกู้เพื่อใช้หนี้ IMF ในปี 2546 ของนายกทักษิณแต่อย่างใดไม่ ดูลิงค์นี้ http://bit.ly/2CXvPGn ความจริงเข้าใจง่ายเมื่อค้นพบ_ด้วยตนเอง !!!
เราใช้คืนเงินกู้จากเงินทุนสำรองของเราเอง วงเงินกู้ 17,200 ล้านเหรียญ เราเบิกมาใช้จริง 14,200 ล้านเหรียญ ใช้หนี้ไปแล้วในยุคประชาธิปัตย์ 2% และ ทยอยใช้ไปในยุคทักษิณอีก 1 หมื่นล้านเหรียญ เหลืองวดสุดท้ายอีกเพียง 4200 ล้านเหรียญ ปี2546 นายกทักษิณมีความประสงค์จะคืนเงินกู้ก่อนกำหนดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และ ปลดพันธนาการจากกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับนั้น
โดยการใช้ #ทุนสำรองระหว่างประประเทศ ซึ่งในขณะนั้นมีอยู่ 38,600 ล้านเหรียญ ซึ่งหลังจากใช้หนี้งวดสุดท้ายนี้ไป จะเหลือทุนสำรอง 34,400 ล้านเหรียญ
"สำหรับความสำเร็จของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ อยู่ที่การปรับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นนโยบายที่เรียกว่า Dual Track Policy โดยนโยบายที่ 1 คืออาศัยการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศ จากอดีตที่พึ่งพิงรายได้จากการส่งออก ท่องเที่ยวอย่างเดียว ไม่พอ
รัฐบาลจึงหันมาส่งเสริมเศรษฐกิจระดับรากหญ้า และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้ถ้าพี่น้องประขาชนและนักธุรกิจไม่มีกำลังใจต่อสู้และความสำเร็จครั้งนี้จะเป็นจริงไปไม่ได้ด้วยถ้าข้าราชการและรัฐวิสาหกิจไม่ทุ่มเท 2 ปีที่ผ่านมา"
"ในอดีตการเติบโตทางเศรษฐกิจมักจะเติบโตโดยการขาดดุลการค้า และมีหนี้เพิ่ม แต่คราวนี้จะเติบโตโดยดุลการค้าเป็นบวก และหนี้ลด เนื่องจากนโยบาย Dual Track Policy เป็นการส่งเสริมให้พึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้มีดุลการค้าเป็นบวก รัฐบาลนี้จะต้องท่องคาถาเอาไว้ 3 ข้อ คือ ลดรายจ่ายให้ประชาชน เพิ่มรายได้ให้ประชาชนและขยายโอกาสให้กับประชาชน"