“พปชร.” แจงขึ้นค่าแรง 400 บาท แบบ “ค่อยเป็นค่อยไป”-ยันไม่ทำเงินเฟ้อพุ่ง
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงชี้แจงนโยบายหาเสียงโค้งสุดท้าย โดยเสนอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท/วัน จบปริญญาตรีเงินเดือน 20,000 บาท/เดือน และอาชีวะ 18,000 บาท/เดือน ว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การปรับขึ้นค่าแรงไม่ทันค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น พปชร.จึงเสนอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้เหมาะสม ส่วนค่าแรงที่เสนอปรับขึ้นก็ไม่ได้มากอะไร มีที่มา และจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
"เราไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเลย แต่เป็นการปรับให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยแทบจะไม่ได้ทำเลย และเพื่อเป็นการดูแลการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ จึงต้องดูแลทั้งภาคเกษตร และทั้งภาคผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานที่ต้องใช้ทักษะสูง แต่ทั้งหมดนี้ต้องไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ เราเสนอให้ปรับค่าแรงงานให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่ และจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นค่อยนำมาคุยกันต่อ"นายอุตตมกล่าว
นายอุตตม ระบุว่า เพื่อลดผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ พปชร.จะให้มีการจัดตั้งกองทุนแรงงาน เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้นายจ้างนำไปพัฒนาแรงงานของตนเอง นำค่าใช้จ่ายค่าแรงไปหักคืนภาษีได้ 2 เท่า และจะมีระบบการใช้คูปองเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมการฝึกพัฒนาทักษะ จะมีการกำหนดค่าแรงกลางสำหรับงานแต่ละประเภท รวมไปถึงการจัดตั้งคณะกรรมการกลางในการดูและเรื่องการพัฒนาคนและฝีมือแรงงานแบบบูรณาการ
"พปชร.จะต่อยอดแนวคิดนี้จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยทำเป็นขั้นตอน ไม่รีบเร่งจนเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้ พปชร.เชื่อว่าจะสามารถยกระดับเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน จะมีการดูแลเป็นขั้นตอนไม่ได้ทำทันที ทีเดียวทั้งหมด"นายอุตตมกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่า นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไม่กระทบการลงทุน เพราะพปชร.ทำเป็นขั้นตอน และมั่นใจว่าจะเป็นการดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากขึ้น เรื่องจากแรงงานทักษะและความสามารถเพิ่มขึ้น
"เราจะแข่งประเทศอื่นด้วย skill labour ไม่ใช่แรงงานราคาถูก ถ้าเราสามารถพัฒนาทั้งระบบ สุดท้ายจะทำให้ต้นทุนของผู้ผลิต ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่ถูกลง พปชร.เชื่อว่านโยบายจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ในทางกลับกันเราทำให้การดูแลนั้น สะท้อนสภาพตามความเป็นจริง เรามีวิธีปฏิบัติที่สามารถทำได้จริง และอันที่จริงวันนี้แล้ว วันนี้ค่าแรงขั้นต่ำควรจะอยู่ที่ 412 บาท/วัน ไม่ใช่ขึ้นอย่างเสียไม่ได้แค่ 3-5 บาท แต่การพัฒนาอยู่ที่เดิม"นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์ ระบุว่า พปชร.อยากให้ประเทศเดินหน้าต่อไป และไม่อยากให้มีเงื่อนไขทางการเมืองมาเป็นข้อจำกัด โดยอยากให้การแก้ปัญหาเป็นตัวตั้ง เพราะบางเรื่องทำให้การเมืองถึงทางตัน ดังนั้น พปชร.อยากเป็นทางออกของปัญหา ส่วนการให้พล.อ.ประยุทธ์เข้ามามีส่วนร่วมในการหาเสียงนั้น ทางพรรคจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม หลังจากครั้งแรกได้ประเดิมเปิดคลิปวีดิโอบนเวทีปราศรัยที่ จ.สุโขทัย
"คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะนำเสนอในรูปแบบใดเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สื่อสารถึงประชาชนมากที่สุด แต่จะต้องเป็นเรื่องที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)"นายสนธิรัตน์กล่าวเครดิตแหล่งข้อมูล : brighttv.co.th