ขรก.คลังลากไส้นโยบายธนาธรปลิ้นปล้อน อันตรายยิ่งกว่าทักษิณ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ขรก.คลังลากไส้นโยบายธนาธรปลิ้นปล้อน อันตรายยิ่งกว่าทักษิณ
19 ก.พ.62 เฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ของนายสุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ข้อคิดเห็นของข้าราชการกระทรวงการคลังคนหนึ่ง ระบุเนื้อหาว่า ทำไมพรรคอนาคตใหม่ของธนาธรอันตรายถึงขั้นจำเป็นต้อง ตระหนัก ?
ถึงเพื่อนๆที่เคารพรักทุกท่าน
ก่อนเลือกตั้งผมจะต้องเขียนบทความที่ชี้แจงถึงความอันตรายของธนาธรว่า เขาเป็นคนโกหกหลอกลวงตอแหลปลิ้นปล้อนขนาดไหน เพราะนโยบายทั้งหมดที่เขาได้กล่าวไปในการหาเสียงแทบจะทำจริงไม่ได้เลยสักอย่างไม่ว่า จะเป็นนโยบายการยกเลิกทหารเกณฑ์การลดงบประมาณของกองทัพอย่างมหาศาลการให้สวัสดิการรักษาพยาบาลประชาชนเทียบเท่าข้าราชการ การ ปรับปรุงปฏิรูประบบทุนทุกสิ่งที่พูดไปหากทำ ได้จริงประเทศก็จะล้มละลายภายในระยะเวลา 1 ปีซึ่งนั่นหมายความว่า เขารู้อยู่แล้วว่าทุกสิ่งที่พูดไปทำไม่ได้ แต่ก็ยังจะใช้หาเสียง มนุษย์คนนี้อันตรายยิ่งกว่า ทักษิณ ชินวัตร
ถ้าหากให้พูดอย่างสั้นๆเอาง่ายๆตั้งแต่การยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนมาใช้เงินจ้างในอัตราสูงสูงรวมถึงให้สวัสดิการทหารเกณฑ์ แน่นอนว่า แค่นโยบายนี้นโยบายเดียวก็ทำให้คลังแตกได้เลย
เพราะหากจะต้องให้คนเต็มใจที่อยากจะเป็นทหารเกณฑ์หรือเป็นพลทหารโดยการใช้เงินเดือนสูงๆมาล่อ ถ้าหากเราต้องการกำลังพลเพียง 50,000 หาเงินที่ต้องใช้ มหาศาล ขณะที่เรียกได้ว่าต้องยุบข้าราชการประจำ 1 กระทรวงเล็กๆเลยทีเดียว นอกจากนี้หากให้สวัสดิการเทียบ ขรก แถมพ่วงด้วยหมายถึงว่า เราจะต้องใช้งบประมาณทางด้านสาธารณสุขอย่างมหาศาลในการออกวิ่งคนพวกนี้รวมถึงพ่อแม่และลูกเมียเขา
ซึ่งนโยบายทางสาธารณสุขงบประมาณตรงนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้หากพ่อของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาที่ต้องฟอกไตทุกเดือนและแม่ของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องเบาหวานแค่นี้ค่าใช้จ่ายต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้นมาเดือนนึงหลักแสนคนนึงต่อปีก็จะเป็นหลักล้านแน่นอนว่าคลังไม่ได้มีเงินเยอะให้ขนาดนั้น นี่ยังไม่นับรวมนโยบายอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งทุกนโยบายล้วนไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติและไหนจะนโยบายสาธารณสุขสุดเพ้อฝัน นั่นคือการชูคำว่า เท่าเทียมเพื่อต้องการเรียก และเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมของประชาชน โดยยกเรื่อง สิทธิ์สวัสดิการว่า จะให้สิทธิ์ 30 บาทบัตรทองและสิทธิ์เบิกจ่ายข้าราชการเท่ากันทั้งประเทศ แค่ทุกวันนี้สิทธิ์เบิกจ่าย ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการก็แทบจะทำให้คลังไม่มีเงินอยู่แล้วซึ่งข้าราชการในแต่ละปี น้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันแม้แต่การผ่าตาต้อข้าราชการก็ยังจะต้องสำรองจ่ายค่าเลนส์เทียมเพียง แต่ว่า ค่าหัตถการและการผ่ายังสามารถทำเบิกจ่ายได้อยู่โดยที่กรมบัญชีกลางจะส่งเงินตรงนี้ไปให้ สปสช. และให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเบิกมาอีกที แต่ถ้าหากให้สิทธิ์เหล่านี้กลับประชาชนทั้งประเทศแน่นอนว่า ล้มละลายภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีแน่นอน
เมื่อย้อนกลับมาพูดว่า ทำไมข้าราชการประจำจึงจำเป็นต้องได้รับสิทธิ์สวัสดิการ ด้านการรักษาที่ดี คงต้องชี้แจงว่า ข้าราชการประจำ ถ้าหากดูเงินเดือนที่ได้รับกับงานที่ทำนับได้ว่า ต่ำกว่าภาคเอกชนอยู่มากพอสมควร หลายคนที่มีความสามารถเก่งกาจ ไม่ว่า จะเป็นข้าราชการกระทรวงการคลังบางคนที่มีประวัติดีเลิศเคยทำงานระดับ World Bank แต่ยอมเสียสละมาเป็นข้าราชการประจำรับเงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่น ดังนั้นสิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่ควรจำเป็นต้องให้ข้าราชการต่อไป และ ก็ไม่ต่างจากบริษัทเอกชนใหญ่ๆที่มีผลประกอบการดีหลายที่ที่ให้สวัสดิการรักษาพยาบาลหรือซื้อประกันให้กับพนักงานเพิ่ม หากจะต้องการทำให้ได้ดั่งที่เขาพูดจริงกระทรวงการคลังจะต้องทำการเก็บภาษีเพิ่มอย่างมหาศาล
ซึ่งอันที่จริงส่วนนี้เขาก็ทราบดีว่า ทำไม่ได้ เพราะโฆษกพรรคก็คือ หมอที่จบจากโรงเรียนแพทย์ชั้นนำริมแม่น้ำเจ้าพระยามีหรือจะไม่รู้ แต่ร่วมกันหลอกลวงและมอมเมาประชาชนเพียงเพื่อต้องการได้คะแนนเสียง
ผมขอย้อนพูดในส่วนของ การเก็บภาษี ในฐานะที่เป็นนักเรียนเก่าเยอรมัน ภาษีของเยอรมันไม่ได้สูงแค่ในส่วนของ vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มเยอรมันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษีย่อย และเยอะมากเก็บภาษีทุกอย่างแม้แต่ภาษีวิทยุภาษีโทรทัศน์และภาษีอินเตอร์เน็ต ถ้าพูดไปหลายคนคงไม่เข้าใจ เพราะภาษีเหล่านี้ไม่ได้มีการนำมาใช้ในประเทศไทยยกตัวอย่างภาษีวิทยุเช่นหาก คุณเอมีรถ 1 คันและในบ้านมีวิทยุ 2 ตัวนั่นหมายถึงว่าใน 1 เดือนคุณเอจะต้องจ่ายค่าภาษีวิทยุทั้งหมด 3 หน่วย เพราะแม้แต่วิทยุในรถก็ถือว่า เป็นภาษีหนึ่งหน่วย จะเห็นได้ว่า ภาษี และครอบคลุมทุกอย่างมากหากทำอย่างนี้กับคนไทยแน่นอนว่า คงโวยวายกันทั้งประเทศ อันนี้ยังแค่พูดในเรื่องของนโยบาย เป็นจริงไม่ได้ เพราะไม่สอดคล้องกับการคลังของประเทศ อีกสิ่งที่วัยรุ่นทั้งหลายควรทราบว่า ผู้นำอายุน้อย ไม่ได้นำพาสิ่งใหม่ๆที่ดีมาสู่ประเทศเสมอ
อาทิประเทศฝรั่งเศส ได้พึ่งมีประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมาเป็นอธิบดีในช่วงอายุ 39 ปี และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ยุคมืดและความตกต่ำของประเทศฝรั่งเศสรวมถึงการเผาทั้งประเทศ
จากใจข้าราชการกระทรวงการคลังตัวน้อยๆคนหนึ่ง-( ขออนุญาตสงวนชื่อผู้เขียนครับ)
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น