“ทักษิณ”แนะวิธีรับมือ ชี้เศรษฐกิจไม่ดี อันตรายถึงกลางปี’63(คลิป)
สรุปความดังนี้ >>>>>
"หลายคนกังวลว่าปลายปีนี้ไปถึงกลางปีหน้า เศรษฐกิจโลกน่าจะผันผวนหนัก คำถามต่อมาก็คือ...ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีแล้วจะทำอะไรกินดี หรือถ้าคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นจะว่ายังไง
วันนี้ผมเลยอยากมาชวนคุยเรื่องทำมาหากินทั่วๆ ไป และแชร์แนวคิดสำหรับพี่น้องนักธุรกิจไทยรุ่นใหม่ว่าทำยังไงเราถึงจะอยู่รอดในโลกการค้ายุคใหม่ภายใต้เศรษฐกิจที่ผันผวนกันครับ
สวัสดีครับท่านผู้ฟังพี่น้องชาวไทยที่เคารพรักครับ ครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งที่ 6 ของรายการ Good Monday นะครับ
วันนี้ผมจะพยายามเอาเป็นเรื่องทำธุรกิจทั่วไปเพราะว่าอยากจะกลับไปที่หลักของการทำธุรกิจทั่วไปว่า ทำอย่างไรให้เราเติบโตเข้มแข็ง
ก็จะเอาชีวิตเก่าๆมาเล่าให้ฟังแต่ก็หมายความว่าประกอบกับเรื่องราวที่เคยได้ยินได้ฟังในช่วงนี้จากการเดินทางไปต่างประเทศ
สิ่งที่เป็นห่วงก็คือว่า ยิ่งเจอนักธุรกิจจากจุดนั้นจุดนี้ มุมนั้นมุมนี้ของโลก ทุกคนกำลังบอกว่าปลายปี 2019 เนี่ยอันตรายนะจนถึงกลางปี 2020 ก็คือปี 2563นี่คือสิ่งที่นักธุรกิจก็เจอกันเตือนกัน ผมก็เลยอยากจะมาเล่าเรื่องการทำมาหากินทั้งหลายเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเราควรจะทำยังไงวันนี้ทุกคนก็บอกแล้วจะทำอะไรกินดี ลงทุนในตลาดหุ้นจะว่าไง ผมก็อยากจะบอกว่า หุ้นจะผันผวนตั้งแต่กลางปี 19 ไป การขึ้นลงจะหวือหวามาก ซึ่งภาษานักเล่นหุ้นก็บอกว่า ถ้ามันขึ้นลงแรงอย่างนี้ต้องไปหากินกับเดลต้า เดลต้าแปลว่าไง แปลว่าความแตกต่างระหว่างราคาที่มันขึ้นลงในระยะเวลาไม่ยาวนัก ก็คือว่าสมมุติว่าหุ้นตัวนึงเนี่ยเคยราคา 100 วันนี้ตกลงมาเหลือ 70 ก็ตกมาเยอะ ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนี้ยังดีอยู่ Volume การซื้อขายแต่ละวันก็เยอะ การบริหารก็ดูยังดีอยู่ เราก็น่าจะเข้าไปซื้อที่ 70 แล้วพอถึงเวลาไม่ต้องรอให้กลับไปที่ 100 ใหม่ สัก 80 ก็ขายแล้วก็กลับมานั่งรอใหม่อย่างนี้เขาเรียกว่าหากินกับเดลต้า
ตรงนี้ช่วงตลาดผันผวนนักเล่นหุ้นมืออาชีพก็จะไปนั่งหากินไปเดลต้าคือผลต่างระหว่างการขึ้นลงที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว แต่ต้องเลือกนะครับ เลือกบริษัทที่มันมีความมั่นคง บริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดี มีนักลงทุนซื้อหุ้นวันหนึ่งจำนวนมาก แล้วปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนี้ยังดีอยู่นะครับ ถ้าอย่างนี้ไม่เสี่ยงแต่ก็ต้องเข้าไวออกไว้นะครับ
แล้วคนก็ถามว่าแล้วจะทำมาหากินอะไรดีนอกจากเล่นหุ้น ช่วงนี้ก็ต้องคิดว่าเทคโนโลยีกำลังมาแรง เพราะฉะนั้นเนี่ยการทำมาหากินเลยต้องพยายามอิงเทคโนโลยีไว้ ถึงแม้ว่าเราไม่ใช่เป็นบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีก็ต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ความแม่นยำในการทำนายความแม่นยำในการมีข้อมูลของตัวเองในการศึกษาข้อมูลของคนอื่นจึงเป็นเรื่องสำคัญ
พูดวกมาถึงเรื่องนี้เนี่ยผมก็เลยอยากจะบอกว่า คนไทยเรามีจุดอ่อนอย่างหนึ่งเราคิดว่าการแข่งขันกันต้องเป็นศัตรูกัน จริงๆแล้วเนี่ยมันไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน อยากให้วิเคราะห์จากคำว่า Zero sum Game
Zero sum Game ในวงการธุรกิจนี้คือว่าถ้าคุณแพ้ผมคือชนะ ถ้าคุณชนะคือผมแพ้ มันไม่มีอะไรในโลกแบบนี้ล่ะครับว่า ชนะ 100% แพ้ 100% ภาษาทุนนิยมเศรษฐกิจทุนนิยมคือเขาบอกว่า If you can't beat them, better join them คือถ้าเอาชนะเขาไม่ได้เป็นพวกเขาดีกว่า นั่นคือการค้าขายในเศรษฐกิจทุนนิยม เค้าถึงบอกว่าการค้าการขายเศรษฐกิจทุนนิยมมันต้อง Compete ต้องแข่งขัน แล้วก็ต้อง collaborate ต้องร่วมมือด้วยมันไม่สามารถแข่งขันอย่างเดียวหรือร่วมมืออย่างเดียวนะครับ แข่งขันอย่างเดียวไม่ร่วมมือกับใครเลยเนี่ยมันก็จะกลายเป็นว่าเราก็จะมีความรู้สึกว่ามันทำการค้าแบบเครียดครับ
อย่างจีนกับไทยเนี่ย เราไม่สามารถที่จะบอกว่า จีนคือคู่แข่งขันเรา100%ก็ไม่ใช่ จีนเป็นตลาดของเรา 100%ก็ไม่ใช่ เพราะเราก็เป็นตลาดของเขาเขาก็เป็นตลาดของเราแต่ตลาดเขาใหญ่กว่า การแข่งขันสินค้าเขาเข้ามาของเราเยอะกว่า สินค้าของเราไปหาเขาน้อยกว่า เราจะปรับตัวอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่เป็นโลกยุคใหม่ที่ต้องคิดว่าการแข่งขันการค้านั้นต้องมีแต่ต้องมีความร่วมมือไปด้วย
คู่แข่งของเรากลายเป็นตลาดของเราก็ได้ เหมือนตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในปี 1994 ผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศผมก็ไปเยือนประเทศสิงคโปร์รัฐมนตรีต่างประเทศที่เป็นคนสิงคโปร์ที่ต้อนรับผม พาไปพบนายกของเขาตาม protocol ระหว่างประเทศนะครับ ตอนนั้นนายกของเค้าก็คือ โก๊ะ จ๊กตง ไปถึงเห็นหน้าผมก็เข้ามาเช็คแฮนด์แล้วก็บอกว่า Thailand and Singapore are competitor but don't worry the cake is getting bigger please sit down sit down
นั่นคือเป็นคำสนทนาที่ผมไม่คิดว่า ผู้นำประเทศประเทศหนึ่งเนี่ยต้อนรับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศหนึ่งแล้วคุยกันแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาทุกประเทศเนี่ยเขาเน้นเรื่องการบริหารเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่เราจะแข็งแรงไม่แข็งแรงประชาชนจะแข็งแรงไม่แข็งแรง เขาก็เลยต้องมาสนใจเรื่องเศรษฐกิจ เขาก็บอกว่า เขายอมรับว่าไทยกับสิงคโปร์เป็นคู่แข่งขัน แต่เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกเพราะว่าโลกมันเชื่อมโยงกันตลาดมันใหญ่ขึ้น เหมือนเค้กมันก้อนใหญ่ขึ้น เราจะแข่งกันยังไงเราก็อิ่มทั้งคู่ เราไม่มีการอดตายทั้งคู่นั่นคือ สิ่งที่เป็นโลกยุคใหม่ที่ต้องคิดว่าเรามีเพื่อนธุรกิจที่อาจจะทำเหมือนกันบ้างคล้ายกันบ้างก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลว่า เราจะต้องคบกันแบบชนิดที่มันจำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน ไม่เป็นเพื่อนกันมันเป็นเพื่อนกันได้นะครับ
ครั้งหนึ่งเนี่ยผมตอนผมทำธุรกิจอยู่ผมก็เชิญนักธุรกิจรุ่นหนุ่มหนุ่ม ซึ่งประสบความสำเร็จในวันนั้นมาประมาณ 10 คนมาตั้งเป็นก๊วนกันพบกันเดือนละครั้งก็บางทีก็คนนั้นเลี้ยงคนนี้เลี้ยง ตอนหลังมาแล้วบอกว่าเอางี้ดีกว่าเราลงขันเอาเงินไปใส่กันคนละไม่มาก แล้วก็ไปให้เพื่อนคนหนึ่งในนั้นที่เก่งเรื่องหุ้น เก่งเรื่องการเงินไปเล่นหุ้น เรากำไรหุ้นนี่แหละมากินมาเที่ยวกันก็มีความสนิทสนมชิดเชื้อกัน บางทีก็ร่วมมือกันทางธุรกิจบ้างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องเศรษฐกิจบ้างอะไรบ้าง ก็ได้ประโยชน์ครับ บางคนก็ทำธุรกิจคล้ายคลึงกันแข่งขันกัน แต่ก็ไม่ได้เอาเป็นเอาตายอะไรกันเพราะว่าเนื่องจากว่าตลาดมันใหญ่ขึ้นจริงๆ ยิ่งแข่งยิ่งตลาดเยอะ เพราะว่าต่างคนต่างโฆษณาต่างคนขยายขยายฐานลูกค้านะครับ
การทำธุรกิจเนี่ยต้องอย่าไปคิดว่าเราต้องเป็นศัตรูคนนั้นคนนี้สู้เราเป็นเพื่อนดีที่สุด อันนี้ก็อยากให้สังคมไทยคิดอย่างนี้เป็นอย่างนี้ผมเลยเล่าเรื่องการตั้งก๊วนของผมให้ฟังนะครับก็ใช้วิธีการเล่นแชร์ซึ่งคนจีนสมัยนั้นนักธุรกิจสมัยนั้นจะรวมตัวตั้งแชร์ ตอนนี้เหลือน้อยก็มีบ้างแต่น้อย เพราะว่าแหล่งกู้เงินมันมีมากกว่าเดิม เดิมมันไม่มีแหล่งกู้ก็ใช้เพื่อนฝูงรวมกัน ใครเปียให้ดอกเบี้ยสูงกว่านั้น เอาไปใช้ทุกคนก็มาลงขันกันทุกรอบใครเปียได้คนนั้นไปใช้แล้วก็ผลัดกันไปผลัดกันไป มันก็ผลัดกันเอาเงินกองกลางมาวางไว้นะครับ สมมุติว่าเดือนละแสนก็ 10 คนก็ 1 ล้านมาวางไว้ ใครเปียดอกเบี้ยสูงก็ไปกินเอาไปบริหารทำมาหากิน เดือนต่อไปอีกคนนึงเปียได้ แล้วคนที่เอาไปล้านนึงต้องเอามาใช้แสนนึงเค้าเรียกว่าเล่นแชร์
การเล่นแชร์กันในหมู่คนจีนเยอะ พ่อค้าจีน เพราะว่าจะได้เอาเงินมาให้เหมือนกับมาลงกองทุนเพื่อให้เพื่อนผลัดกันเอาไปทำมาหากินกันเองนะครับ ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดการเกิดเป็นพันธมิตรทางการค้ากัน เป็นเพื่อนฝูงกันคุยกันรู้เรื่องกู้ยืมเงินกันได้นั่นคือในอดีตซึ่งผมก็คิดว่าสมัยนี้มันมีน้อยไปหน่อย เลยคิดว่าโดยเฉพาะคนที่ไปเรียนในโครงการต่างๆเช่นไปเรียน RE บ้าง ไปเรียน Next tycoon บ้างอะไรบ้าง ก็มีเพื่อนมีก๊วนเนี่ยถ้าหากว่าจะคบกันติดต่อกันเป็นก๊วนกันในเชิงของธุรกิจ ก็จะทำให้คนทุกคนมีโอกาสทางธุรกิจ
เอาเรื่องโบราณโบราณเรื่อง 1 สมัยพ่อผมเนี่ย พ่อผมไปทำร้านกาแฟอยู่หัวมุมในตลาดที่จะเข้าตลาดสันกำแพงอยู่บ้านนอกเนี่ย ก็พ่อผมขายกาแฟตอนเช้าก็จะให้ร้านแขกขายโรตีมาทำโรตีขายอยู่หน้าบ้าน หน้าร้านกาแฟ อีกข้างนึงก็จะมีคนจีนทําปาท่องโก๋ขาย ปรากฎว่ากาแฟที่บ้านพ่อผมก็ขายดิบขายดีเพราะว่าคนอยากมากินปาท่องโก๋อยากมากินโรตีก็กิน ก็กินทั้งโรตีปาท่องโก๋ก็ขายกาแฟไป ช่วงนั้นเป็นร้านกาแฟร้านเดียวที่คนแน่นไปหมดนั่นก็คือว่ารู้จักทำ alliance หรือพันธมิตรทางธุรกิจ หรือเป็นการเสริมพลังกัน Synergy กัน
ผมไม่มีปาท่องโก๋ขาย แต่ผมมีกาแฟขายก็มาเสริมพลังกันเป็นทั้ง Synergy เป็น Business alliance เป็นธุรกิจที่เป็นพันธมิตรกัน
ตอนกลางวันพ่อผมก็ให้รถเข็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อมาขาย จนทำให้ผมเนี่ยทุกวันนี้ชอบกินแต่ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น เนื้อ ปาท่องโก๋ โรตีอยู่นั่นแหละเพราะมันกินตั้งแต่เด็กๆ
นั่นคือสิ่งที่เอาธุรกิจที่เก่าๆมาปรับประยุกต์กับธุรกิจที่วิธีคิดใหม่ๆ เทคโนโลยีก็ดีตลาดที่มันกว้างไกลกว่าเดิมก็ดี มันจะทำให้นักธุรกิจเราเนี่ยแข็งแรงขึ้นที่พูดอย่างนี้ก็เลยอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ว่า เราทำธุรกิจเราต้องสร้างมิตรมากกว่าสร้างศัตรูเราต้องคิดว่า ในประเทศนี้เรามีเพื่อนเยอะๆรวมกันให้แข็งแรงแล้วตลาดมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตลาดต่างประเทศตลาดภูมิภาคมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการที่เรามีเพื่อนมี Connection เป็นเรื่องที่สำคัญ
แล้วนี่นะครับ know how สำคัญมากแต่ know who ยิ่งสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นถ้ามีเพื่อน มี Connection มีเครือข่ายมีการประสานงานติดต่อข้ามประเทศอะไรบ้างเนี่ยก็จะทำให้ธุรกิจและแข็งแรง
เพราะฉะนั้น ก็วันนี้ก็เลยอยากจะมาแนะนำว่าการทำธุรกิจยุคนี้อย่าไปคิดว่าคู่แข่งขันคือศัตรู เราต้องคิดว่าคู่แข่งขัน คือผู้ที่จะต้องร่วมมือกันในการไปแข่งในพื้นที่อื่นบ้างหรือในการที่จะค้าขายร่วมกันบ้างนะครับ
ฝากแนะนำให้ท่านทั้งหลายว่าธุรกิจยุคนี้สร้างเพื่อนเถอะครับ สร้างเพื่อนเยอะๆแล้วเราจะแข็งแรงครับ ขอให้โชคดีในปี 1920 ความผันผวนทางเศรษฐกิจ สาธุอย่าให้มี แต่ถ้ามีแล้วก็ขอให้นักธุรกิจไทยอยู่รอดปลอดภัยทุกคนครับ