นายกฯยันทำตามมติยูเอ็นคว่ำบาตรโสมแดง ประกาศชัดไม่เอานิวเคลียร์ ส่วน"บิ๊กป้อม" ขอหารือหลังมะกันขอไทยร่วมคว่ำบาตรกิจการเกาหลีเหนือ เผยเป็นเรื่องระดับโลกต้องรอบคอบ ขณะเดียวสถานการณ์ขัดแย้งเพิ่มระดับความตึงเครียด"คิมน้อย"ไม่ยอมขู่ยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวมสั่งสอน "ทรัมป์" ฝ่ายเยอรมนีขอให้สองฝ่ายอดกลั้นไว้
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานทางการสหรัฐอเมริกาขอให้ทางการไทยปิดบริษัทของประเทศเกาหลีเหนือในประเทศไทยว่า เรื่องนี้ เป็นการแก้ปัญหาระดับโลก ระดับสหประชาชาติ มีพันธกรณีและมติออกมาแล้ว เราก็ทำตามมติของเขาเท่านั้น
"สื่อจะไปร่วมความขัดแย้งกับเขาหรือ เราต้องวางจุดนั้นให้เหมาะสม เราสนับสนุนมติสหประชาชาติ และร่วมประณาม โดยหลายอย่างเราทำไปแล้ว หลายเรื่องสื่อไม่เข้าใจ พยายามเอาปัญหาอื่นมาใส่ให้เป็นปัญหาต่อประเทศของเรา ทั้งที่ปัญหาในประเทศของเราก็เยอะไปหมด แต่เราก็จำเป็นต้องทำตาม พันธะสัญญาหรือพันธะกรณี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
และว่า มีใครเห็นด้วยหรือไม่กับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ก็ไม่เห็นด้วย ก็ร่วมประณาม ถ้อยแถลงการณ์เราก็ออกไปแล้ว อะไรที่ไม่ควรขุดคุ้ยมาขยายความก็หยุดเสียบ้าง และการที่รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มาพูดคุยก็ไม่ได้มีอะไรใหม่กว่านี้ เราทำได้ก็ทำ ทำไมจะต้องไปสร้างเงื่อนไขนี่โน้น ประเทศเรามีศักดิ์ศรีหรือเปล่า ก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีประเทศด้วย เราทำตามมติและมติอาเซียนก็มี สหประชาชาติก็มี เราทำทุกทาง แล้วจะให้ทำอะไรอีก อย่าเขียนให้ไปเป็นปัญหากับคนอื่นเขา
ขณะที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการของฝ่ายความมั่นคง หลังประเทศสหรัฐอเมริกา เสนอให้ประเทศไทยปิดกิจการของเกาหลีเหนือในไทยทั้งหมดว่า ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เพราะเราต้องดู ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประชุมอะไรกัน
เมื่อถามว่า จะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเข้าใจว่าเลือกข้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้พิจารณาอะไร และคงต้องหารือกันก่อน เพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับโลก หากเราทำตามสหรัฐฯ มากเกินไปจะส่งผลเสียต่อไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวสั้นๆ ว่า ก็เป็นอย่างที่คุณถามมา
ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดอย่างหนัก เมื่อทางการเกาหลีเหนือระบุว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ
ได้สั่งให้ดำเนินการพิจารณา
อย่างรอบคอบต่อแผนการที่จะยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง"ฮวาซอง-12" โจมตีดินแดนของสหรัฐในพื้นที่โดยรอบเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นฐานทัพทางยุทธศาสตร์ของเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐ
ด้านโฆษกกองกำลังยุทธศาสตร์แห่งกองทัพประชาชนเกาหลี (เคพีเอ) กล่าวว่า "แผนการดังกล่าวจะนำแจ้งให้ท่านผู้บัญชาการสูงสุดรับทราบในเร็ววันหลังดำเนินการพิจารณาและสรุปครบถ้วน โดยจะมีการดำเนินแผนการนี้ด้วยความพร้อมเพรียงและต่อเนื่อง เมื่อนายคิม จอง อึน ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองกำลังนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ได้มีการตัดสินใจ"
ท่าทีดังกล่าวของเกาหลีเหนือยิ่งทำให้ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงการเผชิญหน้าระหว่างเกาหลีเหนือ และสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้นทันที
คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีเกาหลีเหนือ ว่า เกาหลีเหนือไม่ควรจะกระทำการใดๆ ที่เป็นการข่มขู่สหรัฐอีก ไม่เช่นนั้นจะต้องเจอกับไฟและความเดือดดาลชนิดที่โลกไม่เคยเห็น
ด้านหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐว่า เกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งสามารถโจมตีสหรัฐได้อย่างรวดเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกันโฆษกกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า เยอรมนีติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งของสองฝ่ายที่ปะทุขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลีด้วยความกังวลอย่างยิ่ง เยอรมนีจึงขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนต่อกัน และเชื่อมั่นว่า การใช้วิธีทางทหารไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้องเพื่อให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติรับรองไปเมื่อเร็วๆนี้ โฆษกต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องคงความพยายามผลักดันกระบวนการทางการทูตไว้ เนื่องจากเป็นหนทางเดียวที่จะควบคุมโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ