นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาความร่วมมือกับสำนักงานบัญชีเพื่อการแนะนำด้านภาษีอากรที่มีคุณภาพว่า แจ้งไปยังสำนักงานบัญชีทั่วประเทศ ส่วนใหญ่รับทำบัญชีให้กับบริษัทและเอสเอ็มอีรวมกันกว่า 3 แสนบริษัท ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 กรมสรรพากรเอาจริงในคดีอาญาในการใช้ใบกำกับภาษีปลอม
"การดำเนินคดีอาญาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 37 ประมวลรัษฎากร ซึ่งโทษบังคับใช้ทั้งกับผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอม คือ บริษัท ห้างร้าน และผู้ที่สนับสนุนให้กระทำผิด คือ สำนักงานบัญชี ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกดำเนินการในลักษณะนี้อยู่แล้วและเริ่มเข้มข้นขึ้น รวมถึงขอให้ไทยดำเนินคดีอาญาเหมือนในต่างประเทศด้วย เพราะที่ผ่านมา 20 ปี ไทยอนุโลมให้หากสำนึกผิดมาเสียภาษีและเสียค่าปรับถือว่าจบกันไป ไม่ต้องดำเนินคดีอาญา แต่ต่อไปถ้ามีหลักฐานชัดเจนว่ามีการใช้ใบกำกับภาษีปลอม จะไม่มีการละเว้นหรืออนุโลมในคดีอาญาให้อีกแล้ว" นายประสงค์กล่าว
นายประสงค์กล่าวต่อว่า สำนักงานบัญชีที่มีพฤติกรรมจงใจบันทึกบัญชีโดยปกปิดข้อเท็จจริง สร้างรายจ่ายอันเป็นเท็จ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกหรือใช้ใบกำกับภาษีปลอม ทำให้ผู้ประกอบการเสียภาษีไม่ถูกต้อง ตลอดจนการขอคืนภาษีเป็นเท็จ นอกจากจะถูกกรมสรรพากรดำเนินคดีอาญาตามประมวลรัษฎากรแล้ว ยังเป็นความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 ด้วย ซึ่งมีทั้งโทษปรับและจำคุก รวมถึงเป็นความผิดในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ซึ่งสภาวิชาชีพบัญชีฯอาจลงโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนการขึ้นทะเบียน