ขณะที่หลายฝ่ายรอลุ้นว่าใครจะเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่และจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองตามคำพูดของ รมว.กลาโหมหรือไม่นั้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ได้ออกมาย้ำว่า การคัดเลือก ผบ.ทบ.คนใหม่มีการพิจารณาจากหลายคนและมีปัจจัยในการตัดสินหลายด้าน
“วินัย” ดอดหารือนอกรอบ “สนธิ”
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลา 15.00 น. ที่ บน.6 ดอนเมือง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ได้เดินทางมารับคณะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่เดินทางกลับจากประเทศพม่า เพื่ออำลาตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก โดยมีการหารือถึงวันกำหนดส่งบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี 2550 โดยใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที ซึ่งคาดการหารือในครั้งนี้อาจจะมีการหยิบผู้ที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนต่อไป อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า 3 แคนดิเดต ไม่ได้เดินทางมารับ พล.อ.สนธิในครั้งนี้ เพราะปกติทั้ง 3 คนจะเดินทางมาส่งและมารับทุกครั้ง ทั้งนี้ อาจเป็นไปได้ว่า พล.อ.สนธิได้มีการสั่งไม่ให้ทั้ง 3 เดินทางมารับ เนื่องจากต้องการจะหารือกับ พล.อ.วินัย และ พล.อ.อ.ชลิต ตามลำพัง
ปัดหารือ ผบ.ทบ.คนใหม่
หลังจากนั้น พล.อ.สนธิให้สัมภาษณ์ถึงการหารือร่วมกันระหว่าง พล.อ.วินัย และ พล.อ.อ.ชลิต ว่า ปลัดกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการปรับย้าย มาตกลงกันว่าจะส่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้ ได้มีการนั่งคุยร่วมกับ ผบ.ทอ. และในส่วนของ ผบ.ทร.จะหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง คงจะให้เป็นไปตามเวลาประมาณต้นเดือนกันยายนนี้ คือส่งบัญชีให้กับ รมว.กลาโหม ส่วนตำแหน่ง ผบ.ทบ.ยังไม่ได้พูดถึงว่าจะเป็นใคร
ระบุมีปัจจัยเลือก ผบ.ทบ.เพิ่มขึ้น
เมื่อถามว่า การที่พรรคพลังประชาชนตั้งนายสมัคร สุนทรเวช ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค การพิจารณาตัว ผบ.ทบ. จำเป็นจะต้องเป็นคนที่สามารถต่อสู้ฝีปากกับนายสมัคร หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า กองทัพไม่มีการต่อสู้ทางการเมืองกับนักการเมือง เพราะฉะนั้นแค่คิดก็ผิดแล้ว กองทัพก็คือกองทัพ มีหน้าที่ในการดำรงในเรื่องของความมั่นคง เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.คนใหม่จะมีความสามารถทางด้านบู๊ หรือบุ๋น พล.อ.สนธิตอบว่า ผบ.ทบ.จะต้องเป็นทั้งบู๊และ บุ๋น ถึงเวลาบู๊ก็จะต้องบู๊ ถึงเวลาบุ๋นก็จะต้องบุ๋น
เมื่อถามว่า สถานการณ์เวลานี้ควรเลือก ผบ.ทบ.ในลักษณะบู๊ หรือบุ๋น พล.อ.สนธิตอบว่า
เมื่อประกาศออกมาก็จะรู้ ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเอาใครขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. เพราะว่าการตัดสินใจครั้งนี้ การเลือก ผบ.ทบ.จะต้องตัดสินใจคนเยอะมากขึ้น เพราะว่า ผบ.เหล่าทัพเป็นรุ่นพี่และสถานการณ์จะเป็นตัวบ่งชี้ ตรงนี้ก็ยังมีอีกหลายคน ทั้งนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม จะต้องพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ดังนั้น กระบวนการการตัดสินใจมีหลายคนที่จะต้องมาช่วยกันพิจารณาข้อเสนอแนะ