อย่างไรก็ตาม
หลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า มากำชับพนักงานสอบสวนให้รวบรวมพยานหลักฐานโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบพยานหลักฐานเกี่ยวโยงถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมดไม่มีละเว้น และขอยืนยันว่า ตำรวจทำคดีกลุ่ม นปก. ไปตามหน้าที่ ไม่ได้รังแกประชาชนแต่อย่างใด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงการรื้อเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมท้องสนามหลวงว่า
หากเป็นของกลางในการกระทำความผิดพนักงานสอบสวนก็สามารถยึดไว้ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าหากมีการยึดหรือรื้อออกแล้วตำรวจจะปิดกั้นเสรีภาพในการปราศรัยของผู้ชุมนุม ผุ้ชุมนุมสามารถใช้สถานที่อื่นๆในการจัดกิจกรรมทางการเมืองได้ แต่หากแกนนำ นปก. รุ่น 2 จะยุติบทบาทการเคลื่อนไหวก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีตำรวจพร้อมเจรจาพูดคุยด้วยเพื่อความสมานฉันท์ของประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พร้อมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้มอบเงินช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวน 227 นายซึ่งเป็นเงินที่ได้รับมอบจากนายกรัฐมนตรีจำนวน 1,200,000 บาท ให้ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1,2 และ 7 เป็นขวัญกำลังใจในการทำหน้าที่ พร้อมพิจารณาขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษคนละ 1 ขั้นกับตำรวจ 227 นายและตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
ด้าน พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อจราจลหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศน์กล่าวถึงการออกหมายจับเพิ่มเติมแกนนำ นปก. ที่เหลือตามพยานหลักฐานที่ปรากฎว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาทุกอย่างต้องละเอียดรอบคอบ ตอนนี้ยังยืนยันชัดเจนไม่ได้ว่ากี่คน ขอเวลาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานก่อน คาดว่าวันพรุ่งนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนการรื้อเวทีปราศรัยบริเวณท้องสนามหลวงนั้น ต้องตรวจสอบในข้อกฎหมายก่อนว่าเป็นกลางสำคัญทางคดีหรือไม่ หากเป็นของกลางสำคัญตำรวจก็มีความจำเป็นต้องยึดไว้เป็นหลักฐาน