โภคิน ถ่อมตัวว่าที่นายกฯ โยน เจ๊หน่อย-สมคิด เหมาะสม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 เมษายน 2549 13:26 น.
โภคิน ยังถ่อมตัวแบ่งรับแบ่งสู้ว่าที่นายกฯ คนใหม่ โยน เจ๊หน่อย-สมคิด มีความสามารถก็เหมาะสมเช่นกัน เตรียมหาคนกลางแก้ รธน.และเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ย้ำยกร่างเสร็จต้องผ่านสภาถึงจะมีประชามติได้ เชื่อไม่เกิน 1 ปีทุกอย่างเรียบร้อย
วันนี้ (5 เม.ย.) นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงการถูกจับตามองในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ประกาศไม่รับตำแหน่งนายรัฐมนตรีว่า ทุกอย่างอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทยที่จะดำเนินการต่อไป ส่วนตัวมองว่า พรรคไทยรักไทยมีบุคคลที่มีความสามารถและเหมาะสมหลายคน อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่สามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ จากการประชุมเบื้องต้นเห็นว่าควรมีคนกลางเข้ามายกร่างใน 2 ส่วน คือ 1.เป็นบุคคลที่มาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ซึ่งส่วนนี้จะพิจารณาจากกฎหมายสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหลัก 2.นอกจากนี้ น่าจะมีบุคคลที่มาจากอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ประมาณ 5 คน, ตัวแทนจากศาล 5 คน, องค์กรอิสระ 5 คน, นักวิชาการด้านกฎหมายด้านรัฐศาสตร์ 5 คน รวมกันประมาณ 120 คน
อยากจะให้ตั้งคนกลางโดยเร็วที่สุด โดยใช้ระยะเวลา 2 เดือน เนื่องจากตัวแทนที่ได้มานั้นมาจากหลากหลายจังหวัดที่จะเข้ามาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญต่อไป และการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่น่าจะใช้เวลาเกิน 6 เดือน และในส่วนของพรรคจะมีการเตรียมประเด็นที่เห็นว่าควรจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเทคนิค เพื่อนำเสนอต่อองค์กรที่เป็นคนกลางที่จะต้องเป็นผู้พิจารณา รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ด้วย เพราะหลังจากนี้รัฐบาลที่จะทำหน้าที่ต่อไปก็จะเป็นรัฐบาลรักษาการ หรือเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเพื่อให้มีการปฏิรูปการเมืองให้ประเทศเดินไปได้ รอการเลือกตั้งครั้งใหม่ต่อไปเพื่อที่จะได้รัฐบาลถาวรกำหนดทิศทางที่ชัดเจนต่อไป ทั้งนี้ หากทุกอย่างเดินไปอย่างเรียบร้อยเชื่อว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นไม่เกิน 1 ปี นายโภคิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังการยกร่างเสร็จจะต้องให้ประชาชนทำประชามติยกร่างด้วยหรือไม่ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ต้องดูมากันอย่างเช่นช่วงที่มี ส.ส.ร.ในช่วงนั้น เมื่อ ส.ส.ร.ร่างเสร็จก็ต้องนำเสนอสภาเพื่อรับฟังความเห็น จากนั้นก็ให้ทาง ส.ส.ร.ไปปรับปรุงแก้ไขให้เรียบร้อยตามที่เห็นสมควรต่อไป หากไม่รับฟังความคิดเห็นของสภาก็คงจะแปลก
อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแต่สภาไม่เห็นชอบก็สามารถไปทำประชามติได้ ซึ่งจากการประชุมก็ได้หารือกันว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ต้องนำเข้าสู่สภาแต่ให้ไปทำประชามติเลย เพราะอาจจะทำให้รัฐสภาถูกมองว่าเป็นเสียงของรัฐบาล เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่เป็นของพรรคไทยรักไทย ดังนั้น เราจะทำอย่างไรที่จะส่งเสริมอำนวยความสะดวกให้คนกลางเข้ามาทำหน้าที่ได้อย่างสบายใจ อย่างไรก็ตาม การทำประชามติจะต้องให้เวลากับคนยกร่างเพื่อไปทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสาเหตุการแก้ไขในแต่ละประเด็น
ต่อข้อถามที่ว่า การเสนอประเด็นแก้ไขจะให้องค์กรแต่ละองค์กรเสนอไปยังคณะกรรมการกลางเพื่อพิจารณาคัดเลือกประเด็นใช่หรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทางตัวแทนอาจจะมีการยกร่างทั้งฉบับก็ได้ แต่ส่วนตัวคิดว่าหลายเรื่องดีอยู่แล้ว แต่มีเรื่องบางเรื่องที่เราข้องใจ เช่น การตรวจสอบนายกรัฐมนตรียากไปหรือไม่ ซึ่งเราอาจจะลดเสียงในการลงชื่อตรวจสอบนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือการเลือกตั้งมีปัญหามากในการวินิจฉัยอาจจะทำให้เกิดความชัดเจน คืออาจตั้งศาลเลือกตั้งพิจารณาคดีเพื่อให้เกิดการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว หรือกรณี ป.ป.ช.เราเป็นห่วงเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน หาก ป.ป.ช.เดินหน้าต่อเรื่องก็ดำเนินต่อไป แต่ถ้า ป.ป.ช.บอกว่ายุติเรื่องก็จบ
ดังนั้น ทางพรรคคิดว่าการยุติเรื่องของ ป.ป.ช.ก็ให้ผู้เสียหายเข้าไปฟ้องศาลได้ ทำอย่างไรให้มีการตรวจสอบมากขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่พรรคไทยรักไทยจะเสนอไปยังคนกลาง ส่วนคนกลางจะเอาหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง