วันที่ 22 พ.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. และ อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขียนข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุ บันทึกเปิดผนึก ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. เกี่ยวกับวาระการครบรอบ1ปี ที่ทำรัฐประหาร ว่า
ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันนี้ครบหนี่งปีที่ท่านนัดคนหลายฝ่ายบอกว่าไปเจรจา แต่สุดท้ายเป็นการวางแผนจับตัวเพื่อทำรัฐประหาร
ไม่เป็นไร ผมไม่ถือโทษโกรธเคือง นี่คงเป็นรูปธรรมของภาษิตสงครามว่า"การศึกไม่หน่ายเล่ห์"เมื่อท่านเลือกใช้วิธีนี้แล้วผมป้องกันไม่ได้ก็ต้องก้มหน้ารับมัน
สิ่งที่อยากสื่อสารกับท่านวันนี้คือสถานการณ์ของประเทศหลังยึดอำนาจ 1 ปีจากความจริงที่ผมมองเห็น
เรื่องใหญ่ที่สุดไม่ใช่รัฐธรรมนูญหรือการปฏิรูปที่กำลัง"ตามใจแป๊ะ"กันอยู่ แต่มันคือปัญหาปากท้องของประชาชน ข้อมูลท่านเป็นอย่างไรไม่ทราบแต่ที่ผมสัมผัสขณะนี้คนไทยลำบากมาก
เสียงบ่นเรื่องรายได้ลด หาเงินยาก กินอยู่ขัดสนดังไปทั่ว ชาวบ้านเขาไม่ยินดียินร้ายกับตัวเลขดัชนีอะไรที่รัฐบาลแถลงหรอก เพราะเงินในกระเป๋าและข้าวในหม้อคือดัชนีชี้วัดที่ตรงไปตรงมาที่สุด
วิกฤติเศรษกิจปี 40 เริ่มจากระดับบนคือกลุ่มทุนผู้ประกอบการ แต่วันนี้ความอ่อนแอเกิดขึ้นข้างล่างกับคนเดินดินกินข้าวแกงทั่วไป เงินก้อนสุดท้ายเป็นค่าใช้จายเปิดเทอมของลูกหลานไปแล้ว
ผมคิดว่านี่เป็นสัญญาณอันตราย ท่านจะมีทีเด็ดหรือมาตรการใดมาแก้ปัญหา โปรดเร่งมือและจัดลำดับความสำคัญเป็นอันดับแรก
เรื่องการเมืองอย่าได้ตั้งโจทย์ยากให้มากความเลย แม่น้ำ 5 สายพา"เรือแป๊ะ"ไปไหนไม่ได้ไกลหรอก สิ่งเดียวที่จะเป็นรูปธรรมติดยี่ห้อคสช.ไว้คือรัฐธรรมนูญ
เร่งปรับเนื้อหาให้เป็นประชาธิปไตยแล้วคืนอำนาจจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปคือสิ่งที่ควรจะเป็น
ยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องเพราะกระหายใคร่ลงเลือกตั้ง แต่ผมเชื่อว่าสถานการณ์นี้ถ้าลากยาวอยู่นานจะไม่เป็นผลดีกับใครเลยแม้แต่ตัวท่านและคณะเอง
อีกเรื่องที่น่าห่วงคือการพยายามสร้างวิธีคิดให้สังคมไทยเชื่อว่าการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จหรือวิธีการพิเศษคือคำตอบของทุกปัญหา เพราะผมเชื่อว่าหลายเรื่องที่ท่านทำไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนแต่เป็นการ"ปิดเทปกาวบนแผลสดโดยไม่ได้ใส่ยา" วันหนึ่งข้างหน้าอาจกลายเป็นแผลเน่าที่ยากต่อการรักษา
อย่าเผลอคิดว่าที่ประชาชนนิ่งให้ท่านพูดและทำอะไรก็ได้เป็นเพราะเขาเห็นด้วยหรือเพราะท่านเก่ง ดี มีความสามารถเหนือนายกฯคนอื่น แต่เพราะท่านมี"ปืน"ทุกเสียงจึงเงียบลง
ทราบดีว่าความเห็นแบบนี้กวนใจท่าน แต่ผมห่วงว่าหากได้ยินแต่เสียงยกยอปอปั้นจากคนใกล้ชิดทุกวันอาจทำให้ท่านห่างจากความจริงไปทุกที หวังว่าท่านจะเปิดใจรับ"ยาขม"ขนานนี้
อย่าได้เสียดสีนักการเมืองว่าตอนมีอำนาจทำไมไม่ทำโน่น นั่น นี่ พอท่านมาทำวันนี้ก็วิจารณ์อยู่ได้
กรุณาเข้าใจว่าคนที่เห็นต่างก็ห่วงใยบ้านเมืองเช่นกัน "เรือแป๊ะเป็นของท่านแต่ประเทศไทยเป็นของเราทุกคน" ผมไม่ได้ลงเรือแป๊ะไปด้วยจึงไม่มีหน้าที่ตามใจท่าน
ที่สำคัญคือถ้าเพียงแค่เรือแป๊ะลำเดียวจะ"ออกทะเล"ไปไหนก็ไม่ว่า แต่นี่ผูกทั้งประเทศไปกับลำเรือด้วยจึงต้องส่งเสียงบอกทางบ้าง
ตั้งใจทำบันทึกนี้ให้กระชับและให้คำสัตย์ว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใดๆ หากท่านพอใจก็ถือเป็นกุศลหากไม่สบอารมณ์ผมก็จนใจ เพราะนี่คือความจริงจากอีกมุมหนึ่งที่ท่านควรทราบ
ประชาชนจงเจริญ
22 พฤษภาคม 2558
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ยืนยันไม่ยอมรับการรัฐประหาร และไม่เชื่อว่าวิถีแห่งเผด็จการจะสร้างประชาธิปไตย