มาร์คระบุความขัดแย้งไม่จบ!!! ตราบที่แม้วยังต้องการชนะกม.

มาร์คระบุความขัดแย้งไม่จบ!!! ตราบที่แม้วยังต้องการชนะกม.

17 พ.ค.58 ที่มหาวิทยาลัยรังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ "การสร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพการเป็นนักการเมือง" ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต ว่า หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมขณะนี้ตนถึงยังเป็นนักการเมือง ในสภาวะที่สังคมและผู้มีอำนาจแสดงความรังเกียจนักการเมือง อีกทั้งนักการเมืองถูกมองในทางลบ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมืองมากว่า 23 ปี ไม่มีช่วงไหนที่คนยกย่องสรรเสริญนักการเมือง และที่ผ่านมานักการเมืองตกเป็นจำเลยของสังคมมาโดยตลอด แต่สิ่งเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้แตกต่างกับในต่างประเทศ ที่คนมีความศรัทธาต่อนักการเมืองหรือองค์กรทางการเมืองลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบหลาย 10 ปี แต่ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการเมืองเป็นเรื่องการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ โดยเฉพาะนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ และยอมรับการเปิดโปงในสิ่งที่ทำไป

"เหตุผลที่ทำให้ผมหันมาสนใจการเมือง คือ เหตุการณ์ 14 ตุลา ที่ผมได้เห็นภาพเหตุการณ์นักศึกษา และคนหนุ่มสาวออกมาเคลื่อนไหว และสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ จึงเป็นจุดที่ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมอง และอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย โดยอาศัยกลไกของประชาชนและประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และจะตั้งใจจะรักษาอุดมการณ์นี้ในการทำงานการเมือง จะไม่ใช้วิธีการโดยมิชอบ จึงทำให้เหนื่อยกว่าปกติ ซึ่งแม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็พยายามพัฒนาระบบตรวจสอบเชิงนโยบาย และอยากให้ภาพฝ่ายค้านเป็นระบบ จึงพยายามเสนอทางเลือกมาเป็น ครม.เงา ไม่ใช่เป็นการเมืองแบบตอบโต้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ตนมองว่าการตรวจสอบเป็นเรื่องของสภา ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นนักการเมืองอยู่ 2 ประเภท คือ นักการเมืองที่ไปสภา และคอยสภา" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ตนเป็นนายกฯ ได้เจอวิกฤติต่างๆ มากมาย

 โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ก็พอใจที่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดตัว และฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และยืนยันว่านโยบายสำคัญที่ต้องเอามาใช้ คือ นโยบายช่วยเกษตรกร ซึ่งได้รับการตอบจากเกษตรกรเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในภาคอีสาน ซึ่งตนเคยถามคนอีสานว่า เมื่อชอบนโยบายนี้แต่ทำไมไม่เลือกตน เขาก็ตอบกลับมาว่าชอบนโยบายแต่ไม่ชอบตน ทั้งนี้ ตั้งเข้ามาทำงานการเมือง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการเมืองในช่วง 10 ปีหลัง ที่ประสบกับตัวเอง จึงยืนยันได้ว่าระบอบทักษิณมีจริง และเข้ามาทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลง จึงต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนไปให้ได้ ซึ่งความขัดแย้งในประเทศจะไม่จบ ตราบที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังต้องการเอาชนะกฎหมายไทย

"ผมมีเวลาเหลือทำงานทางการเมืองอีกไม่มากนัก ไม่ทราบว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมพร้อมที่จะลงสมัครอย่างแน่นอน ผมเป็นผู้นำฝ่ายค้านมา 3 ครั้ง มากพอแล้ว เป็นครั้งที่ 4 อีกคงไม่ได้ แต่หากได้ทำงานอีกก็จะทำอย่างเต็มที่ เดิมเคยคิดไว้ว่าถ้าไม่มีอะไรสะดุดเมื่ออายุ 50 ปี ก็จะเลิกเล่นการเมือง เสร็จจากงานการเมืองผมก็จะไปทำอย่างอื่นแล้ว ซึ่งจากการทำงานการเมืองมา 23 ปี ในภาพรวมยังไม่พอใจ แต่สิ่งที่เคยทำไปก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ แต่เราก็ต้องต่อสู้ไปเรื่อยๆ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การทุจริตคอร์รัปชั่น มี 3 แบบ คือ ปัญหาระบบราชการที่มีการซื้อกันได้สะดวก

 โดยมีข้าราชการเข้ามามีส่วนร่วม ดังนั้นการแก้ให้ดีที่สุด คือ ทำระบบบริการเป็นอัตโนมัติให้ได้มากที่สุด และอนุญาตให้มีการใช้ดุลพินิจให้น้อยที่สุด ต่อม การแข่งขันกับการทำธุรกิจของรัฐ คือการจัดซื้อจัดจ้างต้องทำให้มีมาตรฐาน ซึ่งหลายคนจับตามองตรงนี้ แต่มีบางอย่างที่จับตาไม่ได้คือ การให้คำปรึกษากับเรื่องอีเว้นท์ และการโกงที่ขึ้นอยู่กับนโยบาย ถ้าพรรคการเมืองและนักการเมืองใช้เงินมหาศาล แต่ระบบการตรวจสอบและการทำงบประมาณติดขัด ก็จะมีวัฒนธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง และทุกหน่วยงานมักจะสนใจปัญหาของตังเอง แต่ปัญหาของประเทศไม่สามารถคาบเกี่ยวได้ ประเทศไทยจึงมักใช้วิธีแก้ไขโดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ปัญหาใหญ่ที่สุดที่กำลังลุกลามคือ ระบบการอุปถัมภ์ที่ผ่านหลักสูตรต่างๆ ที่ลุกลามไปองค์กรอิสระและศาลด้วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์