เตือนภัย!! ร้อนทอง ชื่อดังโพธารามถูกหลอกซื้อทองแยบยล สูญเงิน 2.25 ล้านบาท
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง เตือนภัย!! ร้อนทอง ชื่อดังโพธารามถูกหลอกซื้อทองแยบยล สูญเงิน 2.25 ล้านบาท
ร้านทองชื่อดังโพธาราม จ.ราชบุรี ถูกหลอกซื้อทองหนัก120 บาท ในราคา 2.25 ล้านบาท โดยโอนเงินผ่านธนาคาร เงินเข้าจริงติดต่อให้มารับของ ผู้เสียหายรู้ตัวอีกที่ว่าถูกหลอกหลังจ่ายเช็คเด้งให้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 10 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านทองชื่อร้านทองพรพรรณ เลขที่ 98-100 ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลโพธาราม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้ถูกเชิดทองไป 12 แท่ง น้ำหนักรวม 120 บาท สูญเงินไป 2 ล้านกว่าบาท ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในร้านสามารถบันทึกภาพทั้งหมดไว้ได้
นางสาวรพี ผาสุก อายุ 68 ปี เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 7 พ.ค. 58 ได้มีโทรศัพท์จากลูกค้า ทราบเพียงชื่อนางอุไรวรรณ สอบถามราคาทองคำแท่งเพื่อนำไปใช้ในงานแต่งงาน โดยตอนแรกสอบถามว่ามีถึง 50 บาท หรือไม่ ตนก็บอกว่ามี แต่ทางลูกค้าบอกว่าอยากได้ถึง 12 แท่ง จึงได้มีการตกลงซื้อขายกันในราคา 2,250,000 บาท โดยทางลูกค้าจะขอจ่ายเงินโดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ต่อมามีข้อความจากธนาคารส่งเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือว่า มีเงินเข้าบัญชี จำนวน 2,250,000 บาท ตนก็รีบนำสมุดธนาคารไปปรับก็พบว่ามียอดเงินดังกล่าวจริง จึงติดต่อให้มารับทองไปได้
วันรุ่งขึ้นทางธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาบางขุนนนท์ โทรศัพท์มาแจ้งว่า เช็คที่เอามาเข้าบัญชีนั้นถูกอายัด ขอให้มารับเช็คกลับไป ตนจึงรีบนำสมุดธนาคารไปปรับอีกรอบก็พบว่า ไม่มีเงินดังกล่าวแล้ว เมื่อตรวจสอบเป็นเช็คของธนาคารอีกแห่ง สั่งจ่ายเช็คชื่อ นายสมชาย สาฆอ ก็สอบถามทางธนาคารว่า เมื่อเงินเข้าบัญชีมาแล้วจะอายัดได้อย่างไร ซึ่งทางธนาคารก็บอกว่าทางเจ้าของเช็คไม่มีเงินทำให้ไม่สามารถนำเงินเข้าบัญชีให้ลูกค้าได้ และให้ไปแจ้งความเรียกร้องเอาเอง ทำให้ตนรู้ว่าถูกหลอกแน่ แต่ไม่เข้าใจในระบบของธนาคารว่าเมื่อมีการโอนเข้าบัญชีมาแล้ว จะมีการอายัดได้อย่างไร จากนั้นจึงได้ไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.ท.ไพศาล ชูสิทธิสกุล พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายรายนี้ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานติดต่อไปยังธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง สาขาโพธาราม เพื่อขอดูเช็คสรุปว่าเช็คตัวจริงกับตัวก๊อบปี้ที่ชายต้องสงสัยนำมาแสดง กลับไม่เหมือนกัน โดยเช็คดังกล่าวมีการสั่งจ่ายในชื่อนายสมชาย สาฆอ และเช็คที่สั่งจ่ายชื่อนายสมชาย อาศัยอยู่ที่ จังหวัดยะลา ทางตำรวจจึงได้ติดต่อไปยังนายสมชาย ได้การว่า ตนได้ปิดบัญชีเงินฝากไปนานแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการอายัดบัญชีแต่อย่างใด มีแต่การอายัดเช็คเกิดขึ้นเท่านั้น และบัญชียังใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดผู้เสียหายเดินทางนำหลักฐานเข้าตรวจสอบกับธนาคารชื่อดัง ที่สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งประสานงานนำชุดสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามนำตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!