เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I′m No.5
พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเอะอะโวยวาย รุมจวกรัฐบาลทหารว่าติดลมจะอยู่ต่ออีก 3 ปีบ้าง ผิดคำพูดบ้าง ไม่สร้างความเชื่อมั่นบ้าง ทำให้ประชาชนอึดอัดบ้าง ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำบ้าง
ก็แล้วใครล่ะครับ ที่ทำให้เป็นแบบนี้? ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์หรอกหรือที่ให้ สุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเล่นบท “ลุงกำนันคนดี” อ้างว่ารักชาติ ขัดขวางการเลือกตั้ง เรียกร้องการปฏิรูป ยุบสภาแล้วยังไม่พอใจ สร้างความปั่นป่วนให้บ้านเมืองไม่เว้นแต่ละวัน สุดท้ายหาทางออกไม่ได้ก็เรียกร้องให้ทหารออกมา
ส่วนลุงกำนันที่แสนดี ก็เปิดตูดหนีไปบวช ทิ้งซากยับเยินของประเทศไว้ข้างหลัง
แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องโวยวายหาอะไร? ก็ดันไปเรียกเขามาเอง
แต่หากจะว่ากันให้เป็นธรรม พรรคเพื่อไทยก็มีส่วนทำให้สถานการณ์บานปลายมาจนถึงขนาดนี้ เพราะหากไม่โลภมากเอากฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเข้าสภา ลักหลับผ่านกลางดึก พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถฉวยโอกาสเอาเหตุมาต่อต้าน สุเทพก็ไม่สามารถจัดตั้ง กปปส.
มีหรือที่ฝ่ายค้านอาชีพอย่างพรรคประชาธิปัตย์ จะปล่อยให้นาทีทองแบบนี้หลุดลอยไปได้?
ดังนั้นจะไปโทษพรรคประชาธิปัตย์เสียทีเดียวคงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยก็มีส่วนร่วมสร้างความฉิบหายพอๆกัน
แต่คนที่ซวยสุดซวย “หนีเสือปะจรเข้” ก็คือประชาชนคนเดินดินอย่างเราๆท่านๆ ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แบกรับปัญหาที่นักการเมืองก่อไว้อยู่ร่ำไป
ภายใต้การบริหารงานของ “รัฐบาลท็อปบู๊ท” เราได้ยินเสียงของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดถึงเรื่องประชาธิปไตยหลายต่อหลายครั้ง แต่เป็นประชาธิปไตยที่มีสำเนียงแตกต่างจากประชาธิปไตยของคนอื่นเขา
บรรดานักการเมืองทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทยก็อย่าได้เสนอหน้ามาบ่นต่อว่า หรือหวาดกลัวรัฐบาลที่มีกองทัพสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนักเลย
เพราะหากทั้งสองพรรคใหญ่ไม่ทำเละเทะเอาไว้ในวันนั้นก็คงไม่มีรัฐบาลประยุทธ์ในวันนี้