วันที่ 2 เมษายน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.
1.พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม รุ่น 65
2. พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รุ่น63
3. พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รุ่น63
4.พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รุ่น64
5.พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รุ่น 66
6.พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม รุ่น 63
7.พลเอกวรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รุ่น64
8.พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก รุ่น65
โดยไดกล่าวให้โอวาท ว่า สิ่งสำคัญของสถานศึกษาทหาร คือ สอนให้เรามีวินัย คิดอย่างลึกซึ้งและมาใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามกระบวนการคิดในวันนี้มีหลากหลาย ไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ต้องมีตรรกะและเหตุผลในการคิดด้วย มีการศึกษาเพิ่มเติม ถ้าข้อมูลไม่ครบความคิดจะไปคนละทาง ไม่มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน ทำให้แต่ละพวกทำงานเพื่อของตนเองเท่านั้น โดยไม่มองถึงประเทศชาติ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อำนาจของทหารคือการบังคับบัญชา ในการสู้รบและช่วยเหลือประาชนในยามปกติและสงคราม
นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ต่างประเทศ ได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ทั้งนี้กล่าวว่า "ผมมายืนตรงนี้ ผมรับผิดชอบทุกอย่าง" มองว่า ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง คือ ไม่ไปละเมิดผู้อื่น ไม่เลือกฝ่ายดูแล ดูแลทุกฝ่ายทุกสี และต้องช่วยกันสวดมนต์ให้รัฐบาลใหม่นำไปทำต่อได้ในการแก้ปัญหา เพราะตนแก้ทุกเรื่องและไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ที่สำคัญต้องทำตามอย่างมีธรรมาภิบาล แต่การเอากฎหมาย รัฐธรรมนูญมาตีความกัน สู้กัน ระบุ ยิ่งมีเยอะยิ่งวุ่นวาย พร้อมเปิดเผยว่า ต่างประเทศมองว่าไม่มีเลยดีกว่า เพราะบางประเทศเป็นรัฐธรรมนูญแบบจารีตประเพณี ก็พัฒนาได้
และมองว่าประชาชนไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป เพราะมีเป็นกลุ่มๆ ที่ต้องการในส่วนของตน และเมื่อมีรัฐบาลที่ไม่มีธรรมาภิบาล ก็ยิ่งจะสร้างปัญหา โดยย้ำว่ารัฐบาลตนคิดทุกอย่าง ในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความเป็นธรรม แต่ทุกคนกลับสนใจแต่การเมือง ว่า เลือกตั้งยังไง เพราะถ้าเลือกตั้งแบบเดิม คนแบบเดิมกลับมา ปัญหาก็ไม่จบ
สำหรับการเข้ามาจัดระเบียบ อาจมีคนไม่ชอบบ้าง และอย่าอ้างถึงประชาธิปไตย เพราะตนให้อยู่แล้ว และไม่เห็นว่าจะทำให้เดือดร้อน