24 มี.ค.58 นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อเลขาธิการกลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง ออกมากล่าวหาเกี่ยวกับข้อเรียกร้องให้กลุ่มนปช.นำอาวุธสงครามที่ยึดจากทหารในคืนวันที่ 10 เม.ย.53 เป็นข้อกล่าวหาลอยๆไม่มีจิตสำนึกว่า นายณัฐวุฒิคงถูกนายจตุพร พรหมพันธุ์ประธานกลุ่มนปช.ใช้ให้ออกมาแถลง เพราะฐานะเป็นลูกน้องนายจตุพร ที่นายจตุพรไม่กล้าออกมาแถลงก็เพราะเป็นผู้ประกาศบนเวทีผ่านฟ้าขอบคุณชายชุดดำด้วยตนเองนั่นเอง
“สิ่งที่นายณัฐวุฒิพูดเป็นการโกหกสังคมอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีใครเชื่อนายณัฐวุฒิ เพราะสิ่งที่ผมแถลงนั้นเป็นคำยืนยันของพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกในขณะนั้นว่า กลุ่มนปช.ยึดอาวุธปืนจากทหารไปดังนี้ 1.อาวุธปืนทราโว่ 25กระบอก 2.ปืนเอ็ม16 จำนวน 4 กระบอก 3.ปืนลูกซอง จำนวน 39 กระบอก และ 4.ซองและกระสุนเป็นจำนวนมาก ประวัติศาสตร์ของสภาผู้แทนราษฎรได้บันทึกความจริงเอาไว้แล้ว
นายวัชระ กล่าวว่า ทุกอย่างที่แถลงไปนั้น มีหลักฐานและมีจิตสำนึกที่ดีงามต่อบ้านเมืองไม่เคยใช้วาทกรรมหลอกคนให้ไปตาย หรือเพื่อให้ตนเองกลายเป็นเศรษฐี100 ล้านบาทแต่ประการใด นายณัฐวุฒิจะทำอย่างไรนั้น ไม่ทราบ แต่การหักหลังเพื่อนแล้วรับตำแหน่งรัฐมนตรีสองครั้งสองหนเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงกระทำในนามแห่งความเป็นเพื่อนใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิควรยอมรับความจริงว่า กลุ่มนปช.เอาอาวุธของทหารไป เพราะเป็นแกนนำเสื้อแดง ขนาดพล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ยังยอมรับความจริงต่อกรรมาธิการในเรื่องนี้ว่า จะช่วยติดตาม แล้วมาวันนี้จะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือเชียวหรือ
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า หากกลุ่มนปช.ยังไม่ยินยอมนำอาวุธสงครามมาคืนให้ทหารก็ป่วยการที่จะพูดเรื่องนิรโทษกรรม เพราะยังไม่มีจิตสำนึกของวิญญูชน ในอดีตเคยมีรมว.เกษตรและสหกรณ์ยศ “พลเอก” ติดคุกมาแล้ว อนาคต รมช.กระทรวงเดียวกันอาจจะติดคุกด้วยเช่นกัน ทุกอย่างเป็นไปตามเวรกรรมที่ก่อ