ภายหลังที่ คสช. ไม่ได้อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศตามคำขอแล้ว จึงได้เดินทางไปที่จ.เชียงใหม่ เพื่อทำบุญไหว้ บรรพบุรุษ แต่ในระหว่างการเดินทาง ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ ๓ และตำรวจหลายนาย เข้าทำการตรวจค้นรถยนต์ ของนส.ยิ่งลักษณ์ ในขณะที่นั่งอยู่ในรถ ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจตรวจค้นรถยนต์ได้ หลังจากนั้นแม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปที่ใดก็ตาม ในจ.เชียงใหม่ ก็จะสังเกตเห็นว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ได้คอยติดตามตลอดทั้งวัน และก่อนหน้านี้นั้นในช่วงเวลากลางคืน ก็จะมีทหารมาเฝ้าหน้าบ้านพัก โดยนำรถทหารมาจอดในสนามหญ้า บริเวณหมู่บ้าน ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าว แม้จะไม่เป็นการควบคุมตัวโดยตรง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการควบคุมตัวโดยทางอ้อมแล้ว อันเป็นการลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัว และในขณะเดียวกันยังเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลด้วย อย่างไรก็ตามหากมีการดูแลวีไอพีตามที่ฝ่ายความมั่นคงได้ให้สัมภาษณ์เป็นข่าว นั้น ก็ขอให้ประสานงานโดยตรงเพื่อให้เกิดความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.58 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงว่าจะใช้เวลาร่างฟ้องประมาณ 1 เดือน หรือจะฟ้องคดีไม่เกินเดือนมีนาคม 58 น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเข้าใจว่าในช่วงระหว่างวันที่ 10-21ก.พ. 58 สามารถที่จะใช้สิทธิและเสรีภาพในการเดินทางไปต่างประเทศได้ จึงได้ยื่นขออนุญาตเดินทางตามเงื่อนไขของ คสช. ประกอบกับสำนักงานอัยการสูงสุดเองก็แถลงชัดเจน แล้วว่า อัยการสูงสุดไม่มีอำนาจในการห้ามการเดินทาง เว้นแต่จะมีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ซึ่งก็เป็นอำนาจของศาลฎีกา ดังนั้นในขณะนี้จึงยังไม่ถึงขั้นตอนตามกฎหมายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะต้องเดินทางไปศาล และในทางปฏิบัติที่ผ่านมาในการยื่นฟ้องคดี ของอัยการสูงสุด ก็ไม่เคยมีการนำตัวจำเลยมาพร้อมกับการยื่นคำฟ้องแต่อย่างใด ซึ่งในเรื่องนี้ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้ดูแลงานฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลและ คสช. ก็ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องมาในวันที่อัยการยื่นฟ้อง” ซึ่งปรากฏเป็นข่าวโดยทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว