ระหว่างการเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือร่วมกับภาครัฐและภาคธุรกิจของญี่ปุ่นหลายราย รวมถึงได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ไทยได้เน้นย้ำถึงความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และความร่วมมือในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาคมอาเซียนด้วยการ สนับสนุนไทยให้เป็นตัวขับเคลื่อนการเจริญเติบโตในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระบบราง และได้นำเสนอเรื่องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน 4 ประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมโอกาสทางเศษฐกิจ
และเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น ที่สถานีรถไฟโตเกียว และได้โดยสารรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นเดินทางไปยังนครโอซากา ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พอใจการเดินทางเยือนครั้งนี้ เพราะญี่ปุ่นให้เกียรติไทยอย่างเต็มที่ และได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ มีการนำปัญหาและอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุนมาร่วมกันแก้ไข และหาแนวทางการทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ขณะที่เรื่องการพัฒนาระบบรางของไทย ได้นำเสนอแนวทางการร่วมทุน เนื่องจากไทยมีที่ดินอยู่แล้ว โดยเชื่อว่าหากไทยมีรถไฟความเร็วสูง จะทำให้ได้รับประโยชน์ในด้านการค้าขาย ที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เนื่องจากตลอดเส้นทางการเดินรถไฟและสถานีจะสามารถทำการค้าขายได้
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า ไทยเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแผนโรดแมปที่วางไว้ โดยการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรจะใช้เวลาอีกไม่นาน และคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ในช่วงต้นปี 2559 และได้ยืนยันว่าตนเองเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ประเทศไทยเดินไปข้าง หน้ามีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน