บทอวสาน...ไทยรักไทย

13.30 น.ตรงเป๊ะ นาทีประวัติศาสตร์สะกดคนไทยกว่าค่อนประเทศ


นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ขึ้นบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัยเกริ่นนำ

"เรื่องนี้มีความสำคัญต่อประเทศไทยมาก ตุลาการรัฐธรรมนูญทุกคนตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และทราบว่าผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีมาก ตุลาการรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคดีโดยรับฟังพยานหลักฐานทุกฝ่าย

ใช้กฎหมาย ตีความกฎหมาย และใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ เป็นธรรม และปราศจากอคติ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง

การวินิจฉัยคดีนี้ได้กระทำอย่างตรงไปตรงมาเพื่อความเป็นกลางและอิสระในการพิจารณาตามกฎหมายทุกประการ ดังนั้นการกระทำใดๆที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายและความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้บ้านเมืองเสียหาย

จึงขอให้ประชาชนที่รับฟังคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเคารพกฎหมายและกติกาของบ้านเมืองอันเป็นหลักสำคัญของการปกครองประเทศ ผมขอวิงวอนให้คนไทยทุกคนร่วมสร้างความสามัคคีและความสมานฉันท์ เพื่อความสงบร่มเย็นของประเทศและความผาสุกของประชาชน"


ส่งสัญญาณขอให้ทุกอย่างจบที่คำพิพากษาของศาล


และก็เป็นนายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นคนแรกที่เปิดฉากอ่านคำวินิจฉัยคดีกลุ่ม 1 ประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า

ร่ายยาวมหากาพย์

ตุลาการรัฐธรรมนูญสลับกันอ่านสำนวนคดีนานกว่า 4 ชั่วโมง ลงละเอียดทุกตัวอักษร ลึกถึงขนาดมีการอ่านคำให้การของพยานที่ได้ยินเสียงตะโกน "ไอ้เหี้ย ไอ้เหี้ย ไอ้เหี้ย"

ศาลใช้ดุลพินิจทุกแง่มุม ในลักษณะที่อะไรไม่ชัดเจน ปมที่คลุมเครือ ยกประโยชน์ให้จำเลย

จนกระทั่งเวลา 17.43 น. นาทีแห่งความระทึกใจ

เสียงเฮเป็นของฝ่ายประชาธิปัตย์

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นำทีมยืนขึ้นฟังตุลาการรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง ไม่สั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากข้อกล่าวหาทั้ง 4 ประเด็น ฟังไม่ขึ้น


รอดหมดทุกข้อกล่าวหา


พฤติกรรมไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย

ประชาธิปัตย์พ้นบ่วงวิบากกรรมไปได้ คิวนี้ต้องยกให้ความเก๋าของนายชวนในฐานะหัวหน้าทีมทนาย กับความสำเร็จในการสืบสานตำนาน 60 ปียังคงดำเนินต่อไป

ในอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ที่กดดันหนักอึ้ง เริ่มตั้งแต่เวลา 18.15 น. คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีกลุ่มที่ 2 ประกอบด้วยพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย

แทบทุกประเด็นที่พรรคไทยรักไทยในฐานะฝ่ายผู้ถูกร้องที่ 1 อ้างฟังไม่ขึ้น

ทั้งพยาน หลักฐาน มีความสอดคล้องต่อเนื่อง ตุลาการฯเชื่อว่า พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรค เกี่ยวข้อง ร่วมกันสนับสนุนการจ้างผู้สมัครพรรคเล็ก

ขณะที่ พล.อ.ธรรมรักษ์และนายพงษ์ศักดิ์เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่และมีตำแหน่งสำคัญในพรรค ถือเป็นบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารอย่างสูง และไม่ได้รับประโยชน์ ใดๆเป็นการส่วนตัว


แต่ทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อหัวหน้าพรรคให้ได้กลับสู่อำนาจโดยเร็ว


นาทีประหาร 23.20 น. โทษฐานกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐอย่างร้ายแรง

มีเหตุอันควรให้ยุบพรรคไทยรักไทย

กรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 111 คน โดนโทษตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

และในทันทีทันควัน ก่อนคำพิพากษาจะจบด้วยซ้ำ มีรายงานว่านายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งเรียกประชุมด่วนผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศทางวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อเตรียมแผนสกัดม็อบล่วงหน้า

นักการเมืองพรรคไทยรักไทยประกาศยอมรับคำตัดสินของศาลโดยดี แต่โดยวิญญาณของนักเลือกตั้งไม่มีวันที่จะยอมโดนแช่ แข็งง่ายๆ

ปล่อยผีประชาธิปัตย์ ล้างบางไทยรักไทย

มีคนรอจุดไฟอยู่แล้ว.



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์