พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนชี้แจงกับคณะทูต 21 ประเทศที่เป็นเอกอัครราชทูตถาวรประจำสหประชาชาติ ถึงโรดแม็พรัฐบาล
และแนวทางแก้ปัญหาในอนาคต ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ แต่ตนไม่สามารถเล่ารายละเอียดได้ว่าบ้านเรามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะอายตัวเอง ไม่อยากพูดสิ่งที่ไม่ดีของประเทศไทย ซึ่งเขาก็เข้าใจ และพอใจในคำชี้แจงของตน และเชิญให้ไปพูดเรื่องการปรองดองในเวทีประชุมใหญ่ของสหประชาชนเดือนกันยายนนี้ ตนก็รับปากจะไป ถ้ายังอยู่
“ส่วนใหญ่ต่างประเทศเข้าใจสถานการณ์ของไทยมากขึ้น มีเพียงอีกไม่กี่ประเทศที่ยังติดคำว่าประชาธิปไตย แต่ทั้งหมดยังค้าขายกับไทยตามปกติ ยืนยันว่าทุกประเทศเข้าใจดี แต่ไม่สามารถพูดได้ว่าเห็นชอบกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแบบนี้ และไม่มีใครเคยมาบีบผม ส่วนใหญ่ที่มาคุยพอใจสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงกับบอกว่า ดีกว่าในภาวะปกติด้วยซ้ำ” นายกฯระบุ
ส่วนการที่นายแดเนียลพบกับน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายกฯกล่าวว่า อย่าไปสนใจ เป็นเรื่องของเขา
ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าไม่มีการทำความผิดจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ การฟ้องคดีเกิดก่อนที่ตนเข้ามายึดอำนาจ จะให้ยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนยึดอำนาจก็ทำไม่ได้ เรื่องที่เข้าสู่กระบวนการกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน เรื่องไหนสร้างความเสียหายมากต่อสังคมหรือประเทศก็ต้องสอบสวนก่อน ซึ่งตนเป็นคนสั่งเองว่า คดีไหนที่เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต้องดำเนินการโดยเร็ว
“การที่ผู้แทนสหรัฐฯพบน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำให้เกิดความชัดเจน ความจริงถ้าจะห้ามก็ทำได้ ผมสามารถใช้อำนาจเต็มที่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำ เพราะถ้าทำก็จะถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินเหตุ รัฐประหาร รักแกผู้หญิง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ผมไม่เคยสั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำไมคดีอื่นไม่มีปัญหาเหมือนคดีถอดถอน ทั้งที่เป็นคดีปกติที่ส่อว่ามีการกระทำผิด โดยความรับผิดชอบถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องรับผิดชอบก็จบ ส่วนคดีอาญาก็ว่ากันไป ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปสู้กันทางอาญา บิดพริ้วไม่ได้ แล้วจะไม่ผิดได้อย่างไรถ้าหลักฐานครบ รัฐบาลนี้จะมาจากการยึดอำนาจก็เพราะขณะนั้นไม่มีรัฐบาล มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้”นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้อ่านแถลงการณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ที่ระบุ ประชาธิปไตยไทยตายแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่าน ส่วนที่ว่าประชาธิปไตยตายแล้วก็อยากถามกลับว่า แล้วมันตายแล้วหรือยัง ทุกวันนี้เราก็ยังสร้างประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน ทุกหน่วยงานก็ขับเคลื่อนบูรณาการแผนงานโครงการ ตนไม่ได้ไปยึดอำนาจมาแล้วเอาเงินคนนั้นไปให้คนนี้ หรือยึดมาเป็นสมบัติของตัวเองหรือของชาติ ยืนยันว่านี่เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าปกติเสียอีก ขอให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ ประชาธิปไตยที่ดีต้องดูแลทั้งคนจน คนรายได้ปานกลาง รายได้สูง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ตนคิดถึงคนจนก่อน
เมื่อถามย้ำว่า ตกลงประชาธิปไตยไทยยังไม่ตายใช่หรือไม่ นายกฯยกกำปั่นขวาทุบที่หน้าอกซ้ายพร้อมกล่าวว่า “ตายที่ไหน ยังไม่ตาย ประชาธิปไตยไม่มีตายจากแผ่นดินไทยเพราะวันนี้ผมเป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย แต่ผมควบคุมอำนาจเพราะต้องการให้ประชาธิปไตยมันอยู่ได้”
ถามต่อว่า จำเป็นต้องเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์มาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ปลุกระดมอย่างหนักในโซเชียลมีเดียหลังคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น นายกฯกล่าวว่า มอบให้ คสช.ไปดูและพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ไม่ต้องกลัวถ้าออกมาแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายก็คงไม่ได้ อย่ามาถามให้เป็นเรื่อง เหมือนกรณีอดีตนายกฯจะไปต่างประเทศ ถ้าศาลห้ามก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าใครจะหนีกฎหมายออกไปก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูไล่ล่าใคร ขอเวลาทำให้คนไทยให้ประเทศไทย
ถ้าทำดีกันอยู่แล้ว ตนคงไม่ต้องเข้ามา ขอว่าอย่าให้ใครมาชักจูงว่าตนไล่ล่า ตนคงไม่ลงทุนขนาดเอาประเทศมาเดิมพัน ถ้าาไล่ล่าจริงคงจับตัวติดคุกไปก็จบไม่ต้องไปขึ้นศาลให้วุ่นวาย แต่ตนไม่ทำ ความเป็นประชาธิปไตยเขาตัดสินว่าจะทำอย่างไรและเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งไม่มีคณะรัฐประหารที่ไหนเขาทำกัน