อย่าคิดหนีคดีเผ่นนอก ‘บิ๊กตู่’ดักคอปู ไปแล้วกลับปท.ไม่ได้

เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าพบพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รมว.ต่างประเทศ พร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องการใช้กฎอัยการศึกในประเทศไทย รวมถึงการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

“บิ๊กตู่”ตอกหน้ามะกันหงายเงิบ

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เล่ารายละเอียดให้ฟังแล้ว
 
และรัฐบาลได้ชี้แจงสถานการณ์ให้ทราบว่าอะไรเป็นอะไร รวมทั้งถามกลับไปว่าถ้าจำเป็นต้องลดการใช้กฎอัยการศึกแล้วเกิดเหตุการณ์ต่างๆในประเทศสหรัฐฯจะทำอย่างไร ซึ่งนายแดเนียลก็ตอบไม่ได้ ที่ผ่านมาตนก็ไม่ได้ใช้กฎอัยการศึกไปรบกวนใคร ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ก็ขอเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นยังให้ตนไม่ได้ ยืนยันว่าไม่มีที่ไหนปฎิวัติแล้วทำแบบตน ส่วนใหญ่ปฏิวัติมาแล้วก็จะใช้อำนาจเต็มที่ ไม่มีมาแถลงชี้แจงเหตุผล วันนี้ประเทศไทยมีอำนาจเสรีแค่ไหน บางอย่างก็ต้องอยู่ในกรอบ ต้องให้เกียรติกันบ้าง ตนรับได้หมด ไม่มีความกังวลอะไร


อย่าคิดหนีคดีเผ่นนอก ‘บิ๊กตู่’ดักคอปู ไปแล้วกลับปท.ไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนชี้แจงกับคณะทูต 21 ประเทศที่เป็นเอกอัครราชทูตถาวรประจำสหประชาชาติ ถึงโรดแม็พรัฐบาล

และแนวทางแก้ปัญหาในอนาคต
ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ แต่ตนไม่สามารถเล่ารายละเอียดได้ว่าบ้านเรามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะอายตัวเอง ไม่อยากพูดสิ่งที่ไม่ดีของประเทศไทย ซึ่งเขาก็เข้าใจ และพอใจในคำชี้แจงของตน และเชิญให้ไปพูดเรื่องการปรองดองในเวทีประชุมใหญ่ของสหประชาชนเดือนกันยายนนี้ ตนก็รับปากจะไป ถ้ายังอยู่


“ส่วนใหญ่ต่างประเทศเข้าใจสถานการณ์ของไทยมากขึ้น มีเพียงอีกไม่กี่ประเทศที่ยังติดคำว่าประชาธิปไตย แต่ทั้งหมดยังค้าขายกับไทยตามปกติ ยืนยันว่าทุกประเทศเข้าใจดี แต่ไม่สามารถพูดได้ว่าเห็นชอบกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแบบนี้ และไม่มีใครเคยมาบีบผม ส่วนใหญ่ที่มาคุยพอใจสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงกับบอกว่า ดีกว่าในภาวะปกติด้วยซ้ำ” นายกฯระบุ


ส่วนการที่นายแดเนียลพบกับน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายกฯกล่าวว่า อย่าไปสนใจ เป็นเรื่องของเขา
 
ประเด็นอยู่ที่ว่าถ้าไม่มีการทำความผิดจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ การฟ้องคดีเกิดก่อนที่ตนเข้ามายึดอำนาจ จะให้ยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนยึดอำนาจก็ทำไม่ได้ เรื่องที่เข้าสู่กระบวนการกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน เรื่องไหนสร้างความเสียหายมากต่อสังคมหรือประเทศก็ต้องสอบสวนก่อน ซึ่งตนเป็นคนสั่งเองว่า คดีไหนที่เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต้องดำเนินการโดยเร็ว


“การที่ผู้แทนสหรัฐฯพบน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำให้เกิดความชัดเจน ความจริงถ้าจะห้ามก็ทำได้ ผมสามารถใช้อำนาจเต็มที่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำ เพราะถ้าทำก็จะถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินเหตุ รัฐประหาร รักแกผู้หญิง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ผมไม่เคยสั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทำไมคดีอื่นไม่มีปัญหาเหมือนคดีถอดถอน ทั้งที่เป็นคดีปกติที่ส่อว่ามีการกระทำผิด โดยความรับผิดชอบถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องรับผิดชอบก็จบ ส่วนคดีอาญาก็ว่ากันไป ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปสู้กันทางอาญา บิดพริ้วไม่ได้ แล้วจะไม่ผิดได้อย่างไรถ้าหลักฐานครบ รัฐบาลนี้จะมาจากการยึดอำนาจก็เพราะขณะนั้นไม่มีรัฐบาล มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้”นายกฯกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้อ่านแถลงการณ์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ที่ระบุ ประชาธิปไตยไทยตายแล้ว
 
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่าน ส่วนที่ว่าประชาธิปไตยตายแล้วก็อยากถามกลับว่า แล้วมันตายแล้วหรือยัง ทุกวันนี้เราก็ยังสร้างประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน ทุกหน่วยงานก็ขับเคลื่อนบูรณาการแผนงานโครงการ ตนไม่ได้ไปยึดอำนาจมาแล้วเอาเงินคนนั้นไปให้คนนี้ หรือยึดมาเป็นสมบัติของตัวเองหรือของชาติ ยืนยันว่านี่เป็นประชาธิปไตยที่ดีกว่าปกติเสียอีก ขอให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ ประชาธิปไตยที่ดีต้องดูแลทั้งคนจน คนรายได้ปานกลาง รายได้สูง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ตนคิดถึงคนจนก่อน

เมื่อถามย้ำว่า ตกลงประชาธิปไตยไทยยังไม่ตายใช่หรือไม่ นายกฯยกกำปั่นขวาทุบที่หน้าอกซ้ายพร้อมกล่าวว่า “ตายที่ไหน ยังไม่ตาย ประชาธิปไตยไม่มีตายจากแผ่นดินไทยเพราะวันนี้ผมเป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย แต่ผมควบคุมอำนาจเพราะต้องการให้ประชาธิปไตยมันอยู่ได้”


ถามต่อว่า จำเป็นต้องเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์มาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ปลุกระดมอย่างหนักในโซเชียลมีเดียหลังคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น นายกฯกล่าวว่า มอบให้ คสช.ไปดูและพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ไม่ต้องกลัวถ้าออกมาแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายก็คงไม่ได้ อย่ามาถามให้เป็นเรื่อง เหมือนกรณีอดีตนายกฯจะไปต่างประเทศ ถ้าศาลห้ามก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าใครจะหนีกฎหมายออกไปก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไร


พล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูไล่ล่าใคร ขอเวลาทำให้คนไทยให้ประเทศไทย

ถ้าทำดีกันอยู่แล้ว ตนคงไม่ต้องเข้ามา ขอว่าอย่าให้ใครมาชักจูงว่าตนไล่ล่า ตนคงไม่ลงทุนขนาดเอาประเทศมาเดิมพัน ถ้าาไล่ล่าจริงคงจับตัวติดคุกไปก็จบไม่ต้องไปขึ้นศาลให้วุ่นวาย แต่ตนไม่ทำ ความเป็นประชาธิปไตยเขาตัดสินว่าจะทำอย่างไรและเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งไม่มีคณะรัฐประหารที่ไหนเขาทำกัน


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์