ต้องกราบพระสยามฯ

กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงระเบิดไปเลย ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนก็เพิ่งฮือฮากับเหตุระทึก


รถเก๋งแดวูบรรทุกระเบิดไปจอดซุ่มรอดักบอมบ์ขบวนรถ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สะพานข้ามแยกบางพลัด

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบระเบิดสังหารชนิดขว้างหรือน้อยหน่า 1 ลูก สภาพพร้อมใช้งาน

วัตถุระเบิดชนิดเพาเวอร์เจล 1 แท่ง เชื้อปะทุระเบิดหรือฝักแค 4 แท่ง ลูกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 3 นัด ขนาด 9 มม. จำนวน 3 นัด


พร้อมด้วยผ้าคาดหัวสีเหลือง 2 ผืน ปลอกแขนสีเขียว 2 ผืน สกรีนข้อความ "กู้ชาติ"


และเอกสารซื้อขายหุ้นเอเอสทีวี ที่เขียนหัวกระดาษข้อความสั้นๆ "11.00 น. สะพานมัฆวานด้านกระทรวงศึกษาธิการ เวทีเริ่ม 17.00 น."

ซุกอยู่ในอพาร์ตเมนต์ย่านบางพลัด ถนนจรัญสนิทวงศ์

ป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ละแวกเดียวกัน

แต่ที่น่าเอะใจยิ่งกว่านั้น ทราบชื่อผู้ที่ลงทะเบียนเช่าห้องพักคือนางสาวฤทัยชนก สภาสุขดี กับนายสมพงษ์ อินทร์งาม

และในภายหลังนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรม็อบไล่อดีตนายกฯทักษิณ ยอมรับว่า นายสมพงษ์เป็นหลานชาย โดยเป็นลูกของน้องสาว

และได้ชวนให้มาร่วมงานกับพันธมิตรฯ ทำหน้าที่การ์ดให้แกนนำม็อบ

ตามรูปการณ์มันน่าสงสัยแน่ๆ มีตัวละครเชื่อมโยงเห็นๆอยู่

แต่รีบปิดเกมเร็วไปหน่อย พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. สรุปทันทีหลังพบหลักฐานไม่กี่ชั่วโมงว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดป่วนกรุง 2 ครั้งที่ผ่านมา


ส่วนที่มีผ้าโพกหัว "กู้ชาติ" ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก


เพราะผ้าโพกหัวไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ใครก็เอามาได้ อาจจะไปเก็บมา แล้วมาทิ้งไว้ในห้องก็ได้

มองให้เป็นเหตุบังเอิญเข้าไว้

เช่นเดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ไม่กล้าฟันธงว่า การพบระเบิดในห้องเช่าของหลานชายแกนนำม็อบไล่ "ทักษิณ" จะโยงกับพันธมิตรฯ

เสียงอู้อี้ๆ ออกอาการอ้ำๆอึ้งๆ

ที่แน่ๆเลย ต้องก้มกราบในความศักดิ์สิทธิ์ของพระสยามเทวาธิราชที่ดลบันดาล ให้คนทำผิดคิดชั่วกับบ้านเมืองหางโผล่ออกมาเอง

ก่อนที่พวกหางแดงจะเอาระเบิดไปก่อเหตุป่วนเมือง

จากเรื่องของพวกนิยมหักดิบกันด้วยกำลัง ก็โยงมาถึงคิวหักดิบกันด้วยข้อกฎหมาย

กับเงื่อนไขวัดใจ ภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติให้สรุปการตรวจสอบคดีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดา

จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ส่งอัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง


ให้ลงโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา


ในข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และประมวลกฎหมายอาญา

และก็เป็น นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะโฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ออกมาพูดชัดถ้อยชัดคำ

เมื่อมีการยื่นฟ้องคดีอาญาของนักการเมือง พนักงานอัยการจะต้องนำตัวจำเลยมาแสดงต่อศาลว่ามีตัวตนอยู่จริง และให้เป็นไปตามกฎหมายที่การพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าจำเลย เพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยสู้อย่างเต็มที่

ดังนั้น เมื่ออัยการยื่นฟ้องคดีและศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ก็เป็นหน้าที่ของอัยการและพนักงานสอบสวนที่จะต้องติดตามตัวจำเลยมาขึ้นศาลให้ได้

หากไม่ได้ตัวจำเลยมาแสดง ก็ไม่อาจประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาได้

ล่าสุด นายกฯสุรยุทธ์ยืนยันรัฐบาลพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล และเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หากอดีตนายกฯจะกลับมา

ได้วีซ่ากลับเข้าประเทศไทยมาลุ้นเสี่ยงติดคุกติดตะราง

เลยไม่แน่ใจจะเป็นโอกาสร้ายหรือโอกาสดีของ "ทักษิณ".



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์