เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พร้อมด้วย พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ที่อยู่ระหว่างการเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพลังงาน เข้าหารือแบบเต็มคณะกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา ทั้งนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวชี้แจงถึงความจำเป็นในการทำรัฐประหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยและเศรษฐกิจไทยล่มสลาย ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มประเทศอาเซียนที่เป็นเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบด้วย และการเดินทางเยือนไทยของพล.อ.เตีย บันห์ ก่อนหน้านี้ ถือเป็นกำลังใจอย่างสูงสุดของมิตรแท้ เเละเปรียบเสมือนครอบครัวที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่โรดแม็พขั้นที่ 2 คือมีคณะรัฐมนตรี(ครม.)และรัฐบาล เพื่อบริหารประเทศ
ด้านพล.อ.เตีย บันห์ กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งร่วมคณะเดินทางมาเยือนกัมพูชาในครั้งนี้
พร้อมกับส่งสาสน์แสดงความยินดีถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา คสช. ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ทั้งนี้ การที่ทหารได้เข้ามาบริหารประเทศ นับว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เทคนิคทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาแรงงานกัมพูชา ที่สามารถแก้ไขปัญหากับไปสู่ภาวะปกติ ด้วยระยะเวลาอันสั้น
พล.อ.เตีย บันห์ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ยอมให้กลุ่มต่อต้าน คสช.เคลื่อนไหวในกัมพูชาอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ตนมีความห่วงใยต่อกรณีที่สื่อมวลชนเสนอข่าวในลักษณะที่ 2 ประเทศมีความขัดแย้งต่อกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงมีความเข้าใจและประสานงานกันได้ดีมาตลอด.