เผยกับ รายการ วสัตกาล ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงชีวิตที่พลิกผันจาก ผู้สื่อข่าว ผันตัวมาเป็น รองโฆษก พรรคเพื่อไทย
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ วสันตกาล ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงชีวิตที่พลิกผันจาก ผู้สื่อข่าว ผันตัวมาเป็น รองโฆษก พรรคเพื่อไทย ในปัจจุบัน
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า เริ่มต้นจากการที่ตนเองไม่ได้ตั้งใจในครั้งแรกว่า เนื่องจากตนเองทำงานข่าวอยู่ในสายทหาร
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย และตนเองอยากที่จะเติบโตในสายงานข่าว แต่ตนเองต้องการที่จะเตรียมการสำหรับอนาคต เพื่อที่จะก้าวไปสู่หนทางของบรรณาธิการ แต่การที่จะก้าวไปยังจุดนั้น ตนคิดว่าจะต้องมีผลงาน ซึ่งสิ่งที่ตนเองถนัดมากที่สุดก็คือการเขียนหนังสือ
หมวดเจี๊ยบ กล่าวต่อว่า เนื่องจากหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 ตนเริ่มทำหนังสือ 2550-2551
ซึ่งก่อนหน้านั้น ทหารยังไม่มีบทบาททางการเมือง แต่เมื่อมีการปฏิวัติ ทหารเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้นและขณะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็นตัวละครสำคัญทางการเมืองในเวลานั้น ตนจึงนำความเคลื่อนไหวของกองทัพ บวกกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเขียนเป็นหนังสือ ซึ่งขณะนั้นถือว่าได้รับความสนใจอย่างมาก โดยที่ใช้เวลาเขียนหนังสือเล่มนี้เพียง 1-2 เดือน ซึ่งมีเรื่องจำกัดในเรื่องของเวลา โดยข้อจำกัดนั้นคือ หนังสือเล่มนี้จะต้องออกจำหน่ายในเวลาที่เร็วที่สุด เพราะอยู่ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ระหว่างลี้ภัยทางการเมือง จึงเป็นที่มาของชื่อหนังสือ "ทักษิณ Where Are You"
ทั้งนี้ ตนไม่คาดหวังเรื่องความสำเร็จของหนังสือ ซึ่งได้รับความตอบรับค่อนข้างดี และทำให้ผู้คนรู้จักตนมากขึ้น
แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น ทำให้ตนถูกตั้งคำถามว่าเป็นกลางหรือไม่ในวิชาชีพสื่อ ทำให้ในเวลาต่อมาตนจึงออกหนังสือเล่มที่ 2 "ทักษิณ ARE YOU OK?" ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้อ่านจำนวนมากที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในขณะนั้น ซึ่งตนเองได้รับกำลังใจอย่างมากจากคนอ่าน
อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนอดีตเส้นทางของนักการเมืองของตนนั้นต่างจากนักการเมืองทั่วๆ ไป
เพราะตนเองเริ่มเส้นทางจากศูนย์ ไม่ได้มีชื่อเสียง เนื่องจากพื้นฐานครอบครัวของตนเองไม่ได้มีฐานะที่เป็นต้นทุนให้ได้ ทำให้ต้องพัฒนาตนเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนปริญญาตรีที่ คณะรัฐศาสตร์ ม.จุฬาฯ และต่อปริญญาโท ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ด้านการบริหารนโยบายสวัสดิการสังคม และเดินทางศึกษาปริญญาโทต่อที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ถูกพรรคทาบทามเข้ามาเล่นการเมืองก่อน ซึ่งตนเห็นว่าอาจจะเป็นโอกาสของชีวิตเพียงครั้งเดียวที่จะได้รับใช้ประชาชน
ในเวลาต่อมา ตนได้ผันตัวมาเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว และได้รับคะแนนเสียงจากประชาชน เขตบางแค ด้วยคะแนน 43,420 เสียง
ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่ในพรรค มีความไว้วางใจ และเห็นประโยชน์ของตนที่จะเข้ามาดูแลประชาชนในแต่ละเขต ซึ่งพรรคเห็นว่า ตนสามารถเป็นตัวกลางที่จะติดต่อสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ และเห็นว่าตนเองเคยเป็นนักข่าวมาก่อน ทำให้อาจจะสามารถติดต่อกับสื่อมวลชนได้ง่ายกว่า จนได้รับแต่งตั้งให้เป็น รองโฆษกพรรค ในปัจจุบัน
ณ ปัจจุบันเป้าหมายของตนเองนับจากนี้ ตนอยากจะพิสูจน์ตัวเองโดยที่ จะใช้เวลานับจากนี้ให้ประชาชนในเขตบางแค เห็นว่าตนเป็นผู้แทนที่ดีพอให้กับประชาชนเขตบางแค ถึงแม้ว่าตนจะไม่มั่นใจว่า พรรคจะส่งตนลงหาเสียงในพื้นที่เดิมอยู่รึเปล่า แต่ตนพร้อมที่จะทำหน้าที่ให้มีประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป