กรณีศาลฎีกาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญโดยขอให้ตัดทิ้งประเด็นตุลาการภิวัฒน์ว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วย เนื่องจากตุลาการควรทำงานหลักคือการพิจารณาพิพากษาคดี เรื่องที่กำหนดให้ทำในร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่งานหลักของผู้พิพากษา
หากเป็นงานจำเป็นในภาวะที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตจะให้ผู้พิพากษาเข้ามาช่วยเป็นครั้งคราวก็สามารถทำได้ และเมื่อเข้าไปช่วยงานเสร็จแล้วก็ต้องกลับมาสู่ที่ตั้งเดิม ตนจึงเห็นว่า ข้อบัญญัติ ในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่ระบุให้ศาลฎีกาทำงานบางอย่างก็เหมาะสมดีแล้ว
ไม่ควรจะเพิ่มเข้ามาอีก เพราะจะทำให้กระทบต่องานหลักของผู้พิพากษา เชื่อว่าในภาวะปกติองค์กรอื่นก็สามารถทำงานได้
นายชาญชัย กล่าวอีกว่า
ในความเป็นกลางผู้พิพากษาตนไม่กังวลว่าจะถูกมองว่าการเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือ ตัดสินปัญหาทางการเมืองจะเสียความเป็นกลาง เพราะผู้พิพากษา ได้รับการฝึกฝนมานานถึงความเป็นกลาง เวลาที่ผู้พิพากษาพิจารณาคดีจะไม่คิดถึงอย่างอื่น นอกจากรายละเอียดในสำนวนคดี