นายชวนนท์อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุสถานการณ์การเมืองทำให้ประเทศถูกลดการได้สิทธิพิเศษอัตราภาษีศุลกากรหรือจีเอสพี. ซึ่งไม่เป็นความจริง การลดสิทธิพิเศษดังกล่าว เป็นเพราะประเทศไทยมีอัตรารายได้ประชาชนสูงเกินกว่าจะได้รับสิทธิพิเศษดังกล่าวแล้วแนวทางต่อไปคือรัฐบาลต้องไปเจรจากับสหภาพยุโรปในการขอรับประโยชน์จากเอฟทีเอต่อไป
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ยังได้พิจารณาคณะกรรมการเขตพื้นที่หรือโซน ตามโครงสร้างใหม่ของพรรค ซึ่งหัวหน้าพรรคจะเรียกประชุมรองหัวหน้าทุกภาคมาประชุมเพื่อสรุปอีกครั้งในสัปดาห์หน้าส่วนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อยู่ระหว่างการทาบทาม เบื้องต้นมีผู้ตอบรับมาแล้ว 4-5ราย เป็นอดีตส.ว. อดีตอธิบดี นักวิชาการอิสระ และเอ็นจีโอพร้อมกันนี้ยังมอบให้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์รองหัวหน้าพรรคประสานงานคัดเลือกคณะกรรมการท้องถิ่น
โดยทาบทามสมาชิกสภาท้องถิ่นทั้งที่เป็นสมาชิกพรรคและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคทั้งภาคเหนือ และภาคอีสาน เข้าร่วมเป็นกรรมการ อีกทั้งที่ประชุมยังได้แต่ตั้งคณะกรรมการกฎหมายของพรรครวม31 คน มีนายวิรัตน์ กัลยาศิริ เป็นประธาน มีที่ปรึกษาอาทิ นายชวน หลีกภัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายบัณฑิต ศิริพันธุ์ เป็นต้น
“ที่ประชุมยังเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้โดยเห็นว่าน่าจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกำลังตกอยู่ในฐานะลำบาก โดยเฉพาะคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้ทำคดีนี้ ระบุว่าผู้มีอำนาจวิตกในเรื่องนี้มาก พรรคจึงวิเคราะห์ว่าสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นโดยนายกฯและพรรคเพื่อไทยจะใช้องคาพยพ 4 ด้านมาแก้ปัญหาการทุจริตของตัวเอง
พรรครู้สึกกังวลและได้กำชับสมาชิกพรรคให้รวบรวมข้อมูลการขึ้นเวทีปราศรัยของแกนนำพรรคเพื่อไทยและการขึ้นป้ายแบ่งแยกประเทศเพื่อประกอบการร้องยุบพรรคเพื่อไทย ที่พรรคได้ตั้งเรื่องเอาไว้จากกรณีนายจารุพงศ์เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยเรื่องการแบ่งแยกประเทศ”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า องคาพยพทั้ง 4 ด้านคือ
1. ใช้ความรุนแรงสร้างความหวาดกลัว ข่มขู่คุกคามฝ่ายที่เห็นต่าง ทั้งกปปส. ศาลแพ่ง ศาลอาญาและป.ป.ช. ที่พากันถูกปาระเบิด เรากังวลว่ายิ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าตาจนมากขึ้นเท่าไหร่ ความรุนแรงก็จะยิ่งมากขึ้น โดยหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะเกรงกลัวอิทธิพลมืด
2.ลดความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ
โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ของนายชัยเกษม นิติศิริรมว.ยุติธรรม ที่ระบุว่าถ้าป.ป.ช.บอกว่าสุนัขเป็นสุกร ก็ต้องเป็นเช่นนั้นถือเป็นการพูดลดความน่าเชื่อถือขององค์กรยุติธรรมที่ให้กำเนิดนายชัยเกษม มาถือเป็นการกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าข้าราชการที่รับใช้ฝ่ายการเมืองมายาวนานพร้อมย่ำยีสิ่งที่ให้กำเนิดอนาคตตัวเองเสมออีกทั้งยังดิสเครดิตป.ป.ช.อย่างต่อเนื่อง เท่ากับว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีหลักฐานมาหักล้างข้อมูลป.ป.ช.หรือไม่
3. ใช้ข้อกฎหมายข่มขู่ป.ป.ช.โดยให้นายสุนัย จุลพงศธร อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยื่นถอดถอนนายวิชา เป็นการพุ่งเป้าไปที่บุคคลที่ทำคดีทุจริตจำนำข้าวหรือไม่และ 4. เอาประชาชนคนเสื้อแดงมาเป็นเกราะป้องกันตัวให้น.ส.ยิ่งลักษณ์โดยเฉพาะวลีการแบ่งแยกประเทศ เหมือนเอาปัญหาส่วนตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาเป็นปัญหาของประเทศ