
ยัน กปปส.รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ชี้พบหลักฐานมือปาระเบิดเป็นหมวกหน่วยจู่โจมพิเศษ 13 จ.นราธิวาส แฉมีคนสั่งเก็บแกนนำ กปปส. สั่งเสียถ้าหนีไม่รอดให้แกนนำที่เหลือเดินหน้าล้มระบอบทักษิณ ระบุไม่หยุดนัดเคลี่อนขบวน 10 โมงพรุ่งนี้
ผ่าน 80 วันไปแล้วกับการลุกขึ้นมาของมวลมหาประชาชนภายใต้ชื่อว่า กปปส. ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการและแกนนำ
เพื่อ “ขับไล่” ระบอบทักษิณและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การบริหารงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการต้องยอมรับความจริงอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า ยิ่งนับวันการ “ขับไล่” รัฐบาล การปฏิเสธการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. พร้อมกับเรียกร้องให้มีการ “ปฏิรูปการเมือง” จะทวีความเข้มข้นมากขึ้น และต้องยอมรับความจริงอีกข้อหนึ่งก็คือว่า ยิ่งมวลมหาประชาชนเดินทางมาไกลเท่าไหร่ ความรุนแรงถึงขั้นปองร้ายหมายเอาชีวิตกันเริ่มจะมีให้เห็นมากขึ้น
โดยทั้งหมดเกิดขึ้นกับแกนนำของ กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนบ้าน ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยิงบ้าน สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ปาระเบิดบ้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปาระเบิดวังสวนผักกาด ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. บ้านพัก อิสสระ สมชัย แกนนำ กปปส. อดีต ส.ส.อุบลราชธานี
แม้สถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทยที่มีกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคได้วิเคราะห์และประเมินเหตุการณ์
โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมรับรู้รับทราบและใช้ “แนวทาง” ที่ว่านี้เดินหน้าเพื่อประคองสถานการณ์และรอวันรุกคืบทางการเมือง
ข้อที่ 1. รัฐบาลรักษาการประเมินว่า ปฏิบัติการ “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ” ของ กปปส. ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา จะกลายเป็นกระแส “ตีกลับ” เพราะนับวันจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนด้านการจราจร ด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว โดยที่รัฐบาลรักษาการไม่ต้องไปทำอะไร นอกจากทำให้สถานการณ์อยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง
ขณะที่ปีกหนึ่งคิดอย่างนั้น อีกปีกหนึ่งก็ใช้ยุทธวิธีสร้างความกลัวเพื่อทำลายกระแสด้วยการใช้ความรุนแรงเพราะเชื่อว่า พลังคนชั้นกลางที่ไม่ได้มาจากการจัดตั้งซึ่งมีธรรมชาติ “เบื่อง่ายหน่ายเร็ว” จะล่าถอย
เพราะแม้มวลมหาประชาชนจะแสดงพลังทางการเมืองมากมายขนาดไหนแต่ก็ไม่มีผลในทางกฎหมายโดยเฉพาะการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้อง “ลาออก” จากนายกรัฐมนตรีรักษาการ
ข้อที่ 2. แม้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จะเสนอให้มีการ “เลื่อน” การเลือกตั้ง แต่รัฐบาลรักษาการก็จะยืนยันโดยอ้างข้อกฎหมายว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะหากเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป อาจจะกลายเป็นกระแส และทำให้รัฐบาลรักษาการอยู่นานโดยที่ไม่มีอำนาจบริหาร ซึ่งอาจจะกลายเป็น “เป้าล่อ” โดยไม่จำเป็น แม้จะรู้ว่าถึงจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. เกิดขึ้นและไม่สามารถที่จะเรียกประชุมสภาภายใน 30 วัน เพื่อนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลรักษาการต้องรับผิดชอบ เพราะหน้าที่เหล่านี้เป็นของ กกต. และหากมีปัญหา กกต. นั่นแหละที่จะต้องเข้าไปดูแลจัดการ และอาจจะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายหากถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่า การเลือกตั้งนี่แหละจะเป็นการสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้กลับมา
ข้อที่ 3. ประเมินว่าแม้จะมีคดีอยู่ในการพิจารณาของป.ป.ช. แต่ก็ไม่สามารถ “หยุด” การเลือกตั้งได้ โดยในกรณีของการชี้มูลความผิด 308 ส.ส. และ ส.ว. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. เพราะหาก “ชี้มูลก่อน” ก็ไม่มีปัญหาคุณสมบัติการลงสมัคร ส.ส. และหากผ่านการเลือกตั้งแล้วถูก “ถอดถอน” ก็ไปเลือกตั้งซ่อมซึ่งพรรคเพื่อไทยเตรียมคนไว้แล้ว
การ “ถอดถอน” ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ เพราะจะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนที่ ส.ว.เลือกตั้ง จะครบวาระในวันที่ 3 มี.ค. หรืออีก 1 เดือนกว่า ๆ นับจากนี้ไป
ขณะที่คดีโครงการรับจำนำข้าว ยังมีขั้นตอนอีกพอสมควร จึงเชื่อว่าจะมีการ “ชี้มูล” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หลังการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งในกรณีนี้ พรรคเพื่อไทยก็เตรียมนายกรัฐมนตรีสำรองที่ชื่อ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐ มนตรี “น้องเขย” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้แล้ว
ข้อที่ 4. มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กำชับให้รัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการห้าม “ลาออก” แม้แต่คนเดียวเพราะหากมีการลาออกเท่ากับว่ารัฐบาลพ่ายแพ้และจะไม่มีทางกลับมาชนะได้อีก
รัฐบาลรักษาการจะต้องอยู่เพื่อให้ “อำนาจ” อยู่ในมือต่อไป
พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่า วิธีการที่ฝ่ายตรงข้ามจะชนะคือต้องชนะการเลือกตั้ง ต้อง “ยัดเยียด” ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หากไม่ชนะด้วยการเลือกตั้ง แล้วใช้การรัฐประหารเข้ามายึดอำนาจ รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยิ่งได้ความชอบธรรมมากขึ้นไปอีก และอาจจะได้แนวร่วมซึ่งไม่เอาด้วยกับการรัฐประหารหรือวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น
แนวทางทั้งหมดเหล่านี้ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า จะสามารถทำให้พรรคเพื่อไทยผ่าน “ด่านหิน” ทางการเมืองด่านต่าง ๆ ไปได้
และหากผ่านการเลือกตั้งแล้วมีปัญหาในอนาคต รัฐบาลรักษาการพรรคเพื่อไทยก็ใช้กระบวนการ “เลือกตั้ง” ซึ่งพรรคใช้เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยมาตัดสินใจทาง การเมือง เพราะมองว่า หากใช้การเลือกตั้งยังไงพรรคเพื่อไทยก็น่าจะมีชัยชนะทางการเมืองเหนือพรรคประชาธิปัตย์ หรือ พรรคการเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลสนับสนุน
และหากพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง อาจจะใช้จังหวะตรงนั้น “จัดการ” กับการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง ข้าราชการสาธารณสุข ทหาร ฯลฯ
ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังไม่แพ้ และ กปปส. ก็ยังไม่ได้ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด.
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว