กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง กว่า 1,000 คน นำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียงเป็นเวทีปราศรัย โดยมีทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัย สลับผลัดเปลี่ยนขึ้นปราศรัยที่บริเวณลานหอนาฬิกา หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถนนรามคำแหง
เพื่อเรียกร้องให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยุติการชุมนุม
เนื่องจากการปักหลักปราศรัยโจมตีฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 6 วันนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะการบรรยายในชั้นเรียน และเรียกร้องให้กลุ่ม นปช. รัฐบาล และอธิการบดี แสดงความรับผิดชอบกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ที่การ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง ขับขี่จักรยานยนต์ยั่วยุชาวบ้านและนักศึกษาที่อาศัยในซอยรามคำแหง 53 เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ย.
ทำให้ชาวบ้านและวัยรุ่นย่านนั้น ได้รวมตัวกันขับไล่และเกิดการปะทะกันบริเวณประตูปากทางเข้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีบรรดานักศึกษานั่งฟังพร้อมทั้งเป่านกหวีดกันอย่างคึกคัก ซึ่งก่อนที่จะมีการแยกย้าย และจะนัดรวมตัวกันอีกครั้งบริเวณดังกล่าวในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 พ.ย.)
โดยบริเวณถนนรามคำแหงตลอดทั้งเส้นได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปจ. นำรถตู้เปิดสัญญาณไฟ มาจอดห่างกันทุกๆ 500เมตร
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่ยังคงปักหลักอยู่ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน อย่างไรก็ตาม ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังยืนปฏิบัติหน้าที่รักษาการอยู่นั้น ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางรายได้ขี่จักรยานยนต์เป่านกหวีดแสดงสัญลักษณ์ไปตามท้องถนนด้วย