เมื่อวันที่ 8 ก.ค. นายยอดชาย เมฆสุวรรณ นายมานพ อัศวเหม และนายครรชิต ขวัญประชา ดาราอาวุโสชื่อดัง เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.ศักกพล สุขปาน หัวหน้าสำนักสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาสันติภาพโลก เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับกรณีที่เป็นหนึ่งผู้ที่ได้รับมอบปริญญาบัตรดังกล่าว
พ.ต.ท.ศักกพล กล่าวว่า บุคคลทั้งสามเข้าให้การในฐานะพยาน โดยนายยอดชายยืนยันว่าได้รับเชิญให้ไปปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก วิทยาเขตเชียงใหม่ โดยไม่ได้มีการเสียค่าใช้จ่าย ขณะที่นายครรชิตได้รับหนังสือเชิญส่วนนายมานพได้รับการติดต่อจากผู้เกี่ยวข้องให้ไปรับปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกสาขาลาดพร้าว ที่มีการเปิดเป็นมูลนิธิศรัทธา ซึ่งทั้งหมดได้รับปริญญาบัตรในฐานะที่เป็นนักแสดงอาวุโส สำหรับแนวทางการสอบสวนขณะนี้ได้แบ่งพนักงานสอบสวนเป็น 2 ชุด คือชุดที่ลงพื้นที่จ.เชียงใหม่เพื่อเก็บข้อมูล และอีกชุดได้รับการติดต่อจากนายสวัสดิ์ บันเทิงสุข อธิบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ว่าจะเข้าให้การในช่วงบ่ายวันพุธที่ 10 ก.ค. อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่ามีการขยายสาขาไปมากถึง 15 วิทยาเขต
พ.ต.ท.ศักกพล ยังกล่าวถึงการติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าวจะมีการเปิดมูลนิธิชื่อศรัทธาที่รับบริจาคเงินโดยอ้างว่าจะนำเงินไปช่วยเหลือสังคมคนยากไร้ และด้านการศึกษา ซึ่งดีเอสไอจะเข้าตรวจสอบการทุนจดทะเบียน บัญชีงบดุล และการใช้จ่ายเงินบริจาค ทั้งนี้ เบื้องต้นได้รับยืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) ว่าการก่อตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าวไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีการยื่นของจัดตั้งจริงแต่มีการขอจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษา โดยสกอ.อ้างว่าไม่มีอำนาจในการสั่งปิด ส่วนดีเอสไอตนยืนยันมีอำนาจในการดำเนินการเฉพาะคดีอาญาเท่านั้น ส่วนการสั่งปิดเป็นอำนาจของสกอ. แต่หากสกอ.ไม่สั่งปิดมหาวิทยาลัยก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงการแจกปริญญาบัตร แต่ต้องยอมรับว่าเป็นปริญญาเถื่อน เมื่อรับไปแล้วก็เหมือนเป็นการรับขยะ แต่มหาวิทยาลัยอาจต้องได้ถูกดำเนินคดีเพิ่มขึ้น ส่วนจะมีการฟ้องร้องสกอ.ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลนั้น พ.ต.ท.ศักกพล กล่าวว่า ผู้เสียหายสามารถยื่นฟ้องได้โดยตรง
“ ตามที่มีการอ้างว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าวเป็นสาขาจากประเทศปากิสถาน ดีเอสไอตรวจสอบแล้วพบว่าในประเทศปากีสถานมีการใช้คำว่า Academy แต่ในประเทศไทยใช้คำว่า University ซึ่งถือว่ามีความผิดชัดเจน”
ด้านนายยอดชาย ยอมรับว่าได้รับการติดต่อให้เข้ารับปริญญาบัตรดังกล่าวโดยมหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทั้งค่าเครื่องบินและค่าชุดครุยโดยตรงไปรับปริญญาบัตรที่จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ ที่ตนได้รับปริญญาบัตรเพราะมหาวิทยาลัยดังกล่าวเห็นผลงานทางด้านศิลปะที่ตนอยู่ระหว่างการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ชื่อยอดชายมิวเซียม ออฟ อาร์ต ที่จ.นครปฐม
“ตนไม่รู้สึกอายที่ได้รับปริญญาใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นปริญญาเถื่อนหรือจริง แต่ตนดีใจที่มีคนเห็นคุณค่าสิ่งที่ตนทำ เพราะตนทำจริง ๆ เบื้องต้นคงไม่ดำเนินการเรื่องคืนปริญญา ซึ่งในวันที่ตนรับปริญญามีเพื่อนดาราอาวุโสหลายคนเดินทางไปรับด้วย เช่น นายสมบัติ เมทะนี นายฤทธิ์ ฤาชา นายดามพ์ ดัสกร โดยตนได้รับปริญญาเมื่อต้นปี 2556 ที่ผ่านมา” นายยอดชาย กล่าว
ส่วนนายมานพ กล่าวว่า พวกตนเป็นนักแสดงอาวุโส อายุสามคนรวมกัน 230 ปี คงเห็นว่าพวกตนมีอาวุโสจึงมอบปริญญาให้ ตนก็ไม่ได้นำไปทำอะไร และก็ไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยเถื่อนหรือไม่รู้เพียงเป็นมหาวิทยาลัยจากสหรัฐอเมริกา จะถูกหรือไม่ผิดต้องให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอเป็นผู้สอบสวนจะดีกว่า
“ ตนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ดังนั้น ไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยดังกล่าวแอบอ้างชื่อพวกตนไปสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับคนทั่วไปหรือไม่ แต่ที่รับปริญญาไปเพราะไม่เห็นว่าจะเสียหายใด ๆ” นายมานพ กล่าว..