แผ่นดินเดือด ! !เคอร์ฟิวยะหา-บันนังสตา

แผ่นดินเดือด :


กลุ่มเด็กและสตรีประมาณ 100 คน รวมตัวกันปิดถนนสายยะหา-กาบัง อ.ยะหา จ.ยะลา เพื่อเรียกร้องให้ล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิดมัสยิดและยิงปืนถล่มร้านน้ำชา จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านเสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 23 ราย

2 ทุ่มห้ามประชาชนออกจากบ้านสั่งปิดเขา"ตะโล๊ะเว"ล่าโจรอำมหิต สุรยุทธ์ไล่จี้"สนธิ"ตามดูแลใกล้ชิด

พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ



หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ อ.ยะหา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา


อย่างต่อเนื่อง ทั้งเหตุฆ่าตัดคอชาวสวนยางหลายรายและเหตุยิงถล่มรถตู้จนประชาชนเสียชีวิต 8 ศพ ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่4 ได้ออกประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์เฉพาะหน้าในพื้นที่ทันที


โดยประกาศดังกล่าวมีรวมทั้งสิ้น 4 ฉบับ คือ


1.ประกาศห้ามการแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร

2.การห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน

3.ให้แจ้งการมีบุคคลนอกภูมิลำเนาเข้ามาพักอาศัยอยู่ด้วย

4.การพกพาบัตรประจำตัวประชาชน และ

5.ห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือมีเครื่องวิทยุคมนาคม หรือส่วนแห่งเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต

กฎเหล็กหลัง2ทุ่มห้ามออกจากบ้าน


ทั้งนี้ พล.ท.วิโรจน์ ชี้แจงเหตุผลการออกประกาศทั้ง 4 ฉบับ ว่า การห้ามแต่งกายคล้ายตำรวจและทหาร เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนใเข้าใจผิดและเกลียดชังว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ทำการข่มเหงรังแกประชาชน หรือเป็นผู้ก่อเหตุร้ายเสียเอง

ส่วนการห้ามออกนอกเคหะสถานนั้น

กำหนดในช่วงเวลาระหว่าง 20.00น.-04.00น. ของวันรุ่งขึ้น หากประชาชนมีความจำเป็นในการประกอบอาชีพ หรือปฏิบัติกิจทางศาสนา ซึ่งจะต้องออกนอกเคหะสถานในระยะเวลาดังกล่าว ให้ไปขออนุญาตหน่วยทหารภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อรับบัตรอนุญาตเป็นการเฉพาะราย


ส่วนการให้แจ้งมีบุคคลนอกภูมิลำเนาเข้ามาพักอาศัยอยู่ด้วย

และการต้องพกบัตรประชาชนนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายจากพื้นที่หนึ่งแฝงตัวไปก่อเหตุในอีกพื้นที่หนึ่ง
ทัพภาคที่4 กล่าวด้วยว่า

การประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าว มีผลตั้งแต่เวลา 20.00น.วันที่ 15มีนาคมเป็นต้นไปและหากพื้นที่ใดเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่อง จะพิจารณาประกาศเคอร์ฟิวเช่นกัน

สุรยุทธ์"สั่งมท.1-ผบ.ทบ.ลงดับไฟใต้


วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ "นายกฯพบสื่อมวลชน ครั้วที่ 5" เกี่ยวกับเหตุร้ายในชายแดนภาคใต้ ว่า เหตุการณ์ทางภาคใต้ ถือเป็นเหตุร้ายแรง มีการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยวิธีการโหดเหี้ยม จึงมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ โดย นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย จะลงไปในวันเดียวกันนี้

ขณะเดียวกันก็ได้พูดกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ว่า

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น การยิงผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม การขว้างระเบิดใส่มัสยิดที่ อ.ยะหา จะต้องให้ความสนใจ เพราะถ้าเกิดเหตุรุนแรงอย่างนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดความขัดแย้งกันต่อไปได้ในอนาคต

ยืนยันใช้หลักสันติวิธีแก้เหตุไม่สงบ


ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วง5เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เราเห็นกันประจำคือประชาชนยังหวาดกลัวอยู่ และไม่ปลอดภัยในชีวิต มองว่านโยบายของรัฐเน้นประนีประนอมกับฝ่ายตรงกันข้ามมากเกินไป หรือไม่

นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้ประนีประนอมกับใครเลย ขอเรียนว่าตนไม่ได้ประนีประนอมกับคนที่ทำผิดกฎหมาย แต่การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีหมายถึงการแก้ปัญหาทางการเมือง ถ้าเราพูดกันว่าการเมืองคืออะไร การเมืองก็คือการแก้ปัญหาทางสันติวิธี เป็นการเฉลี่ยผลประโยชน์ เป็นการวางจุดยืนของแต่ละฝ่ายให้ถูกต้อง แต่ถ้าจะแก้ปัญหาทางทหารหรือใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่เราก็ต้องกลับมาแก้เรื่องของสันติวิธีในช่วงสุดท้ายเสมอ

เพิ่มตำรวจลงพื้นที่อีก3.3พันนาย


พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่อว่า เรื่องของความรุนแรงนี้ เราได้พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะให้การคุ้มครองดูแลพี่น้องประชาชน โดยสิ้นเดือนมีนาคมนี้จะเพิ่มกำลังทหารพรานลงไปอีก 20กองร้อย ทางตำรวจซึ่งขาดกำลังพลทั้งระดับต่ำกว่าสัญญาบัตรและสัญญาบัตรประมาณ 3.3 พันคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นมา ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ไปดูแลความสงบได้

แต่ปัญหาบางอย่างต้องใช้เวลา ในส่วนการปฏิบัติงานทางทหาร ถ้าเราดูเฉพาะภาพวันนี้ หรือเมื่อวานนี้ก็จะเห็นเฉพาะภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ถ้ามองย้อนไปสักนิดเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้ว เราจะเห็นว่ามันมีความคืบหน้า แม้ความรุนแรงยังไม่ได้ลดลง แต่มีความคืบหน้าเรื่องความเข้าใจ การทำงานด้านการข่าวและสามารถที่จะมีผลงานในด้านยุทธการมากขึ้นด้วย

อ้างผอ.ข่าวกรองขอย้ายกลับกลาโหม


เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวอาจปรับเปลี่ยน พล.อ.ไวพจน์ ศรีนวล ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ(สขช.)จริงแค่ไหน

นายกฯกล่าวว่า พล.อ.ไวพจน์ เคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะ ขออยู่เพียงแค่ 6 เดือน แล้วกระทรวงกลาโหมได้ขอตัวท่านกลับไป ซึ่งไม่ใช่การปลด ส่วนการพิจารณาหาคนมาแทนท่านกำลังอยู่ในขั้นตอน

ต่อข้อถามว่า พล.อ.สนธิ ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.ที่ท่านมอบหมายให้ดูแลการแก้ไขปัญหาภาคใต้ แต่การทำงานส่วนใหญ่ตอนนี้มอบหมายให้ รอง ผบ.ทบ.หรือแม่ทัพภาคที่4 ดูแลเป็นหลัก คิดว่าถึงเวลาหรือยังที่ พล.อ.สนธิ จะต้องลงไปเต็มตัว

พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ท่านจะตัดสินใจเอง เพราะแต่ละคนทำงานกันมาพอสมควร รู้ว่าความเหมาะความควรแค่ไหน อย่างไร เราได้มีการหารือกันและพูดกัน คิดว่า พล.อ.สนธิ เองท่านเข้าใจดีว่าความรับผิดชอบของท่านมีแค่ไหน

ยอมรับไม่รู้โจรเป็นใคร-มีกำลังเท่าไหร่


เมื่อถามว่า บรรดากลุ่มอาร์เคเคที่ก่อเหตุตอนนี้มีจำนวนเท่าไร เพราะหลายฝ่ายคาดว่าจะมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

นายกฯกล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบรายละเอียดพวกนี้ได้ แม้แต่ทางด้านการข่าวเองก็เป็นเพียงประมาณการเท่านั้น เรายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นหัวหน้าขบวนการและยิ่งจะไปบอกจำนวนเท่านั้นเท่านี้ คิดว่าเราจะพูดเกินความจริงไป ส่วนการประกาศใช้เคอร์ฟิวนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่จะประเมินเอง คือแม่ทัพภาคที่4 หรือ กอ.รมน.ภาค4 ตนในฐานะที่เป็นนายฯคงไม่ไปทำหน้าที่ประกาศเคอร์ฟิว

ชวนนักข่าวลงใต้ไปดูสถานการณ์จริง


ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาท่านนายกฯเน้นเรื่องให้ประชาชนมาให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ตรงนี้รัฐบาลจะมีมาตรการเด็ดขาด หรือจะใช้ความรุนแรงลงไปในพื้นที่หรือไม่

พ.อ.สุรยุทธ์ ตอบแบบหยอกเหย้ากับผู้สื่อข่าวว่า ฒิฬ"คิดว่าดีขึ้น ลองไปกับผมไหมหละ ผมคงมีโอกาสได้ลง แต่ไม่ใช่ในระยะเวลาใกล้ๆนี้ ขอเรียนว่าใครที่อยากลงไปดูจริงๆ ก็ยินดี"

ยกไอร์แลนด์ตัวอย่างรบ400ปีเพิ่งขอเจรจา


"เราได้ดูตั้งแต่ 5ปีที่ผ่านมาว่า อะไรที่เป็นทางเลือกที่น่าจะดีที่สุด แล้วก็ปรับเปลี่ยนเพื่อให้แนวทางในการดำเนินงานนั้นสามารถที่จะทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความร่วมมือ เกิดความเข้าใจ ที่จะมาร่วมทำงานกันได้ ในชีวิตทหารไม่ยากเลยถ้าจะใช้ความรุนแรง แต่ถามว่าทำแล้วจะได้ประโยชน์อะไร

เพราะที่ผ่านมาผู้ที่สั่งการไม่เคยออกมายอมรับ ผมขอยกตัวอย่าง เช่น ประเทศไอร์แลนด์เหนือ ขณะนี้ มีความขัดแย้งที่นั่นมาประมาณ 400ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้ยังเจรจากันอยู่ หาทางที่จะมีการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องความรุนแรงไม่ต้องพูดถึง มีทุกประเภท ถ้าเราปรียบเทียบว่านี่คือความขัดแย้งอันหนึ่ง ถ้าเราจะแก้ไขปัญหายังไง 400ปี ในที่สุดก็ต้องเจรจาโดยสันติวิธี เราจะรอให้ถึง 400 ปีไหม นั่นก็เป็นคำถาม"พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว

แฉย้ายผอ.สนข.รอเด็กคมช.เสียบแทน


อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ปฏิเสธการสั่งย้าย พล.อ.ไวพจน์ ออกจากตำแหน่ง ผ.อ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โดยชี้แจงว่า เป็นเพราะ พล.อ.ไวพจน์ ขอย้ายกลับเองเพราะครบกำหนด 6 เดือนที่เคยขอเวลาทำงานไว้แล้วนั้น แหล่งข่าวจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เผยว่า เรื่องนี้ทาง ผอ.สำนักข่าวกรอง ไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลยและไม่เคยพูดว่าขอทำงาน 6 เดือน ซึ่งการสั่งย้ายครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนม้ากลางศึก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล


อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภากลาโหมครั้งล่าสุด


มีการหยิบยกความเหมาะสมในการทำหน้าที่ของ พล.อ.ไวพจน์ มาหารือในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า มีความบกพร่องในการทำหน้าที่จริง เพราะไม่ได้รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ดังนั้นจึงมีการพิจารณาออกคำสั่งย้ายในวันนั้นเอง ส่วนบุคคลที่จะมาแทน พล.อ.ไวพจน์ น่าจะเป็น นายศิริชัย โชติรัตน์ รอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ หรืออาจเป็นนายทหารที่มาจาก คมช.เอง

ม็อบปิดถนนจี้ตำรวจจับมือบึ้มมัสยิด


ส่วนความคืบหน้าเหตุการณ์คนร้ายใช้ปืนเอ็ม79 ยิงถล่มร้านน้ำชาของ นายมะอุเซ็ง ลูโบ๊ะยาเซ็ง ริมถนนสายยะหา-กาบัง ม.1 ต.กาตง อ.ยะหา จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 12 คน เวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายยังขว้างระเบิดใส่หน้ามัสยิดอาบูบาโระ ม.11 อ.ยะหา ขณะที่ชาวไทยมุสลิมกำลังเดินออกมาจากมัสยิด ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 11คน


เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 14มีนาคมที่ผ่านมานั้น


ล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 15มีนาคม กลุ่มชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็ก ประมาณ 100 คนได้ชุมนุมปิดถนนสายยะหา-บันนังสตา หน้ามัสยิดที่เกิดเหตุถูกปาระเบิด โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษให้ได้ ต่อมา นายศุภนัฐ ศิรันทวิเนติ นายอำเภอยะหา รุดมาเจรจากับผู้ชุมชุมเพื่อให้เปิดเส้นทางใช้สัญจรผ่านไปมาได้แล้ว


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์