วันนี้ 17 มิ.ย. 56 เวลา 13.00 น. ที่วัดไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน
เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม และประธานมูลนิธิหลวงพ่อพูล ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ประกาศรายชื่อผู้ครอบครองรถหรูที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั่วประเทศ จำนวน 488 คัน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นผู้ครอบครองรถโบราณ ยี่ห้อจากัวร์ เพ็นเทอร์ ปี 1970 หมายเลขทะเบียน กก 1177 กรุงเทพมหานคร และนอกจากนั้นยังมีเรื่องร้องเรียนว่าทางวัดได้สะสมรถหรูราคาแพงไว้หลายคัน ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า รถยนต์จากัวร์ เพ็นเทอร์ คันที่ต้องสงสัยตนเองเป็นผู้ครอบครองจริง แต่เป็นรถที่ลูกศิษย์ได้ถวายมาให้จากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2554 โดยดำเนินการแยกชิ้นส่วนและจดประกอบ มีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร เป็นผู้ดำเนินการ และเสียภาษีสรรพสามิต จำนวน 1,506,615 บาท โดยนายเติมศักดิ์ ปิติธนสารสมบัติ เจ้าของร้านทองปิติเจริญ ราชวัตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นผู้จ่ายค่าภาษีสรรพสามิต
หลวงพี่น้ำฝน แถลงต่อว่า ในการดำเนินการจากนั้นได้นำรถยนต์ไปจดทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสระบุรี
ต่อมาได้ย้ายมาจดทะเบียนที่กรุงเทพมหานคร และได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้อง สำหรับรถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้นำไปใช้งานแด่อย่างใด มีเพียงใช้ในงานครบรอบหลวงพ่อพูล ในการอัญเชิญรูปเหมือนให้ประชาชนได้สักการะเท่านั้น แล้วตั้งโชว์ไว้ให้ญาติโยมที่สนใจเกี่ยวกับรถโบราณ ได้ศึกษาหาความรู้ เพราะรถรุ่นนี้ นับวันจะหาดูได้ยากแล้ว ทั้งนี้ พร้อมให้ทาง DSI ดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งมั่นใจว่ารถคันดังกล่าวได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ อีกทั้งตนยังดำรงแหน่งหัวหน้าพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระ ประจำจังหวัดนครปฐม จึงไม่สามารถที่จะกระทำความผิดวินัยของสงฆ์ได้ ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าทางวัดมีการสะสมรถหรูไว้หลายคัน ตนยอมรับว่ารถทุกคันได้มาจากลูกศิษย์นำมาถวายทั้งสิ้น และมีเพียงรถจากัวร์ เพ็นเทอร์ เพียงคันเดียวที่เป็นรถจดประกอบ
ส่วนในกรณีมีผู้สื่อข่าวบางรายได้สอบถามว่า ภายในวัดไผ่ล้อมมีการเปิดตำหนักรับทรงเจ้าและมีชาวบ้านร้องเรียนมานั้นเป็นความจริงหรือไม่
หลวงพี่น้ำฝน ได้แจ้งง่าภายในวัดมีการก่อสร้างตำหนักไว้จริง ซึ่งได้มีผู้ที่เป็นร่างทรงมาอยู่ในตำหนัก แต่ทางวัดไม่ได้มีนโยบายในการสนับสนุนให้หงไหลในเรื่องทรงเจ้าและไม่มีการเรียกรับเงินอย่างใด รวมถึงทางวัดไม่ได้มีการจัดการทอดกฐิน ก็ไม่เคยมีการพิมพ์ซองแจกเรี่ยรายเพื่อนนำเงินเข้าวัดอย่างที่หลายคนมีข้อมูลที่ผิดและนำไปพูดให้เกิดความสับสน ทั้งนี้พร้อมชี้แจงทุกกรณีที่ประชาชนสงสัยทุกเรื่อง