3 ปีแห่ง ไฟใต้ ลุกโชนไม่หยุด!! การค้า-ลงทุน วิกฤติ

สถานการณ์ ไฟใต้ที่ลุกลามกว่า 3 ปี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้


ไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียให้กับชีวิตและทรัพย์สิน ความสามัคคีของพี่น้องชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมเท่านั้น แต่ ไฟใต้ ยังส่งผลกระทบเกี่ยวกับธุรกิจ การค้า การลงทุน การดำรงชีพ ของผู้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างย่อยยับ นับวันความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะหดหายลงไปเรื่อย ๆ

การทำลายฐานธุรกิจ การค้า การลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้


เป็นหนึ่งในแผนการร้ายของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ที่กระทำควบคู่กับการสร้างความแตกแยกระหว่างไทยพุทธกับไทยมุสลิม โดยมุ่งร้ายต่อธุรกิจการค้า การลงทุนของชาวไทยพุทธ และชาวไทยเชื้อสายจีน เพื่อบีบบังคับให้ขายกิจการ ขายที่ดินทำกิน ย้ายทุนการผลิตออกจากพื้นที่ เพื่อให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ อิสลามพิสุทธิ์เพื่อง่ายในการทำตามแผน แบ่งแยกดินแดน

การก่อวินาศกรรม


สถานบันเทิง การเผาทำลายบริษัท ห้างร้าน โชว์รูม ศูนย์การค้าในตัวเมืองยะลา ปัตตานี นราธิวาส คืนวัน ตรุษจีน เป็นการก่อการร้ายที่ชัดเจนที่สุด เช่นเดียวกับการ ส่งแนวร่วมวางเพลิงโรงงานยางพาราของบริษัทยางไทยปักษ์ใต้ ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และบริษัทเซาท์แลนด์รับเบอร์ที่ อ.เมือง จ.ยะลา คือการ โจมตีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่

และการวางระเบิด

ย่านบันเทิง โรงแรม สนามบิน และศูนย์การค้า ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา การโจมตีศูนย์การธุรกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน วัตถุประสงค์เพียงสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับนักธุรกิจ การค้า การลงทุน นับเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศที่น่าเป็นห่วง

นับแต่นี้ต่อไป


โรงงานอุตสาหกรรม บริษัท ห้างร้าน ที่เป็นทุนขนาดใหญ่ และเป็นธุรกิจการค้าขนาดกลาง ขนาดเล็ก ก็คงตกเป็นเป้าหมายในการก่อวินาศกรรมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็น จุดอ่อน ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ทันระวังป้องกันและคาดไม่ถึง

ผ่านมาการรวมตัวของนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา


โดยมี นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ์ ประธานหอการค้า จ.ยะลา นายฟุ้ง สุขเสรีทรัพย์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ยะลา และนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา แสดงพลังเดินเท้าไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา


เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจ 4 ข้อ


1. ให้จัดหากล้องวงจรปิดคุณภาพสูง ติดตั้งครอบคลุมทุกพื้นที่

2. ให้รัฐเร่งสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธป้องกันชุมชน โดยจัดอาวุธและเครื่องมือสื่อสารให้เต็มที่

3. ให้นำเงินอัตราจ้าง 4,500 บาท ที่เคยนำมาจ้างคนในพื้นที่และถูกตัดออกไป ให้อนุมัติจ้างงานในพื้นที่ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงอย่างเดียว

4. ให้ฝ่ายปกครองยืดอายุงานให้กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำแหน่งคนละ 10 ปี เพื่อให้เกิดความมั่นใจร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐแก้ปัญหา

นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ์ ประธานหอการค้า จ.ยะลา ยอมรับว่า


สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ถือว่า เลวร้าย รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะนอกจากเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน ตกเป็นเป้าฆ่าโหด และวางระเบิดรายวันแล้ว ธุรกิจตั้งแต่ร้านชำ โรงแรม บริษัท ร้านค้า โรงงานอุตสาหกรรม ต่างตกเป็นเป้าการโจมตีของกลุ่มคนร้าย



ที่ผ่านมาการป้องกันไม่ได้ผล


แผนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ยังมีช่องโหว่ ดูแลไม่ทั่วถึง กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ก่อน ไม่มีคุณภาพเพียงพอ หลังจากที่ทุกองค์กรได้ปรึกษากันแล้ว เห็นควรเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อยื่นหนังสือผ่านทาง ผวจ.ยะลา แล้ว หากยังไม่ดีขึ้น ชาวยะลาจะเดินทางบุกทำเนียบรัฐบาลเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้มีการแก้ปัญหาที่ชัดเจน

ในขณะที่เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งใน จ.ยะลา ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า


เงื่อนไขหนึ่งก็คือ งานรับเหมาก่อสร้าง ที่รัฐเป็นผู้ว่าจ้างทั้งหมดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บริษัทรับเหมาไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ตามสัญญา สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สุดท้ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ผู้นำท้องถิ่น หันมาแย่งอาชีพตั้งตัวเป็นผู้รับเหมาเสียเอง

มีการจ่ายเงินให้กับกลุ่มแนวร่วม เพื่อปั่นป่วน


สุดท้ายงานรับเหมาก่อสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการจึงไม่ได้มาตรฐาน โดยเจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าเข้าไปตรวจด้วย เพราะกลัวอันตราย กลายเป็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งได้รับประโยชน์จากการก่อการร้าย และคนกลุ่มนี้ต้องการให้ เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นต่อไป เพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง

อีกด้านหนึ่งของผู้ที่เดือดร้อน


จาก ไฟใต้ คือประชาชนในภาคเกษตร โดย นายนอบ ทองนิลพันธ์ เกษตรกรทำสวนยาง กล่าวว่า คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยึดอาชีพทำการเกษตร ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม วันนี้ต่างตกอยู่ในฐานะยากจนข้นแค้น ราคายางแพง ราคาผลไม้แพงก็จริง แต่ไม่มีประโยชน์อะไร ทำการเกษตรไม่ได้ ไม่กล้าออกไปเก็บเกี่ยวผลผลิต ส่วนใหญ่คนไทยพุทธตกเป็นเป้าหลักถูกฆ่ารายวันจากกลุ่มโจร จนไม่กล้าออกไปทำสวน ในขณะที่คนไทยมุสลิมก็กลัวเจ้าหน้าที่รัฐรังแก ขณะนี้ประชาชนใน จ.นราธิวาส ย้ายถิ่นฐานไปกว่า 80 เปอร์ เซ็นต์

นายสมบูรณ์ พงษ์เลิศนภากร เจ้าของธุรกิจโรงแรม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า


การก่อวินาศกรรม วางระเบิด วางเพลิง ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ สร้างความเสียหายกับธุรกิจการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ให้กับพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จนประมาณค่าไม่ได้ สภาพหาดใหญ่ในวันนี้ ไม่หลงเหลือการเป็นเมืองเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวอีกแล้ว

โรงแรม ย่านการค้า สถานบันเทิง ล้วนควักทุนมาชดเชยในส่วนที่ขาดทุน


นักธุรกิจหาดใหญ่ ได้รวมตัวกันประชุมปรึกษาหาทางออก โดยจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในกลางเดือน มี.ค. กดดันให้ผู้รับผิดชอบในการบริหารประเทศ แก้ปัญหาอย่างจริงจัง และหากรัฐบาลไม่สามารถดับไฟใต้ได้ เชื่อว่าภายในกลางปี 2550 ธุรกิจจำนวนมากจะต้องปลดคนงาน และสุดท้ายคือ ปิดกิจการ คนจำนวนมากจะเดือดร้อน

ส่วนแนวโน้มภาคธุรกิจภาคใต้


นายธนาวรรธน์ พลวิจัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจภูมิภาคของไทยในปี 50 มีอัตราที่ชะลอตัวลง อยู่ในระดับ 4-4.5 มีเพียงภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นที่ขยายตัว ส่วนภาคใต้มีเพียงบางจังหวัดที่ขยายตัว ยกเว้นพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน สาเหตุจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่เป็นหลัก


ทางด้าน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประ ธานหอการค้าไทย ระบุว่า


ในวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมาหอการค้าไทยเรียกประชุมสมาชิกทั้งหมดเพื่อประเมินผลกระทบจากความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และบางอำเภอของ จ.สงขลา ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สรุปว่ายังประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินไม่ได้

ที่แน่ ๆ คือเศรษฐกิจกระทบกระเทือน


ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนในมาตรการเสริมสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจในพื้นที่ยิ่งขึ้น ทางหอการค้าไทยจะส่งตัวแทนลงไปพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาก่อนจะย้ายทุนออกไปจนหมด

สิ่งที่ตามมาคงไม่พ้น


เลิกจ้างแรงงานหรือปลดคนงานออก ส่งผลต่อกำลังซื้อคนในพื้นที่อย่างน่ากลัว ส่วนแนวทางการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลน่าจะเป็นขวัญกำลังใจที่ดี คงแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

นั่นคือความเห็นบางส่วนของนักธุรกิจ นักลงทุนและพ่อค้า


ที่เปิดเผยความในใจออกมาถึงรัฐบาลภายใต้การบริหารงาน ครม.ขิงแก่ คงต้องติดตามต่อไปว่า ขิงแก่จะเผ็ดร้อนแบ่งเบาความเดือดร้อนของนักลงทุนได้แค่ไหน กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นกัน.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์