เสนอราชวิทยาลัยจิตแพทย์ ส่งคนกลางพิสูจน์ หมอเผ่า

วันนี้ (28 ก.พ.) นพ.ไพฑูรย์ สมุทรสินธุ์ แพทย์เจ้าของไข้ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาชื่อดังที่เพื่อนหญิงคนสนิทขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินโดยเชื่อว่าครอบครัวของ นพ.ประกิตเผ่า นำเข้ารักษาในโรงพยาบาลทั้งที่ไม่ป่วย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก ว่าได้ขออนุญาตมารดาของคนไข้เพื่อให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของคนไข้ในฐานะแพทย์ผู้รักษาต้องสงวนสิทธิ์ไว้

ยังมีภาวะหวาดระแวงกลัวคนมาทำร้าย ได้ให้ยารักษาร่วมกับกระบวนการรักษาทางด้านจิตเวช ทำให้อาการสงบลง ต้องหมั่นเข้าพูดคุยกับคนไข้ ไม่เช่นนั้นคนไข้จะหงุดหงิด ไม่ค่อยเชื่อฟังคำแนะนำของพยาบาลหรือผู้ดูแล

ส่วนคนไข้จะสามารถไปศาลได้ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ หรือไม่

ตนไม่สามารถพยากรณ์อาการล่วงหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้รักษาคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นลำดับแรก เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ได้เสนอไปยัง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา ให้ตั้งคณะแพทย์กลางขึ้นมาตรวจรักษาคนไข้รายนี้

คนทั่วไปมองผิวเผินจะบอกไม่ได้ว่า นพ.ประกิตเผ่า มีความผิดปกติ เพราะคนไข้ระมัดระวังตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่เขากังวล แต่ญาติใกล้ชิดจะเห็นความเปลี่ยนแปลง การรักษาดำเนินการตามมาตรฐานเหมือนคนไข้ทั่วไป

ในฐานะที่คนไข้เป็นแพทย์การพูดคุยต้องให้เกียรติ

ไม่ได้ถามว่ามีอาการหูแว่วหรือไม่ แต่จากประสบการณ์ทำให้ประเมินได้ว่ามีภาวะผิดปกติทางจิต ซึ่งจิตแพทย์ทุกคนให้คำวินิจฉัยเบื้องต้นได้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต้องตรวจทางคลินิกและผลการทดสอบทางจิตวิทยาเพิ่มเติมในรายของ นพ.ประกิตเผ่า ได้ซักถามอาการจากญาติเป็นลำดับแรก เพราะเป็นผู้นำตัวส่งเข้ารักษา

นพ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบต่อว่ามีที่มาอย่างไร ทั้งนี้ สารเอฟริดีนไม่ได้นำมาใช้ในทางการแพทย์ เพราะถือเป็นยาเสพติดประเภทที่ 3 ทางโรงพยาบาลศรีธัญญาไม่ได้ใช้สารนี้อยู่แล้ว และสารเอฟริดีนมีผลต่อร่างกายทำให้ใจสั่น ชักและเสียชีวิตได้ การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการระแวง จะให้คนไข้อยู่ในสถานที่สงบ ปลอดภัย ให้ยาร่วมกับการพูดคุยกับคนไข้ เพราะการรักษาทางจิตเวชไม่ใช้ยาอย่างเดียว สัมพันธภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเรื่องนี้ ผู้ป่วยรายนี้เป็นประเด็นทางสังคม

ไม่มีประโยชน์อะไรที่กรมสุขภาพจิตจะรับคนปกติแล้วทำให้มีการป่วยด้านจิตเวช ที่ผ่านมาเคยมีการฟ้องร้องต่อศาล ขอให้จิตแพทย์ไปเป็นพยานเพื่อขอสิทธิดูแลทรัพย์สินของผู้ป่วย กรณีสูงอายุเท่านั้น ซึ่งแพทย์ต้องดูอย่างละเอียดว่าผิดปกติระดับใดถึงจะไร้สมรรถภาพ ฟั่นเฟือน มีทีมสหวิชาชีพเป็นผู้ให้ความเห็น การปรักปรำคนไข้ว่าเจ็บป่วย เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

และว่า วันที่ 2 มี.ค. จะเดินทางไปศาลตามหมายนัดไต่สวน และ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้คำแนะนำในการตั้งคณะกรรมการแพทย์จากหน่วยงานที่เป็นกลาง เพื่อให้ความเห็นเพิ่มเติม ตนจึงส่งหนังสือขอหารือไปยังประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย พิจารณาคัดเลือกจิตแพทย์เป็นคณะกรรมการแพทย์กลาง ให้สังคมได้สบายใจ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ