คุกคลองเปรมประกวดเต้น กังนัมสไตล์คลายเครียดนักโทษ
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จัดโครงการประกวดเต้นกังนัมสไตส์“คุก” ซึ่งมีการจัดทำตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดรับสมัครและทำการคัดเลือกโดยการแข่งขันในแต่ละแดนจำนวน 7 แดน กระทั่งคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายจำนวน 7 ทีม มีการแข่งขันประเภทเพลงบังคับคือเพลง กังนัมสไตล์ และฟรีสไตล์แดนซ์ โดยผู้ทีมชนะเลิศการประกวดกังนัมสไตล์คือทีมจากแดน 1 ชื่อทีมงอแงสไตล์ และทีมชนะเลิศประเภฟรีสไตล์แดนซ์คือทีมจากแดน 8 ซึ่งของรางวัลที่ได้รับคือถ้วยรางวัลและเครื่องอุปโภคบริโภค มีพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานปิดการแข่งขัน
โดยกล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการริเริ่มจากเรือนจำที่ต้องการสร้างกิจกรรมเพื่อให้ผู้ต้องขังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และลดความเครียด ที่สำคัญยังเป็นการลดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งระหว่างผู้ต้องขังด้วย เพราะที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าพบปัญหาการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ต้องขัง แต่เมื่อจัดกิจกรรมให้ทำร่วมกันแล้วพบว่าปัญหาการทะเลาะลดลงไปมาก ส่วนการคัดเลือกเพลงก็มาจากความต้องการของเรือนจำ ซึ่งการเลือกเพลงกังนัมสไตส์ของศิลปินเกาหลี เพราะเห็นว่าเป็นเพลงที่กำลังเป็นที่นิยมมียอดคลิกในยูทูบจำนวนมาก
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ราชทัณฑ์มีเป้าหมายการทำงานสำคัญคือต้องการให้ผู้ที่ก้าวพลาดจนถูกคุมขังมีโอกาสฝึกฝนตัวเองทั้งร่างกายและจิตในเพื่อให้พร้อมกับการก้าวสู่อิสรภาพ คืนสู่สังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งถือเป็นมาตรฐานเดียวกับการคุมขังทุกเรือนจำในโลกนี้คือเน้นการสร้างกิจกรรมเพื่อแก้ไขมากกว่ามุ่งเพียงการลงโทษ
ด้านนายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า ปัจจุบันเรือนจำมีผู้ต้องขังที่อยู่ในการควบคุมประมาณ 4,500 คน ปัญหาที่พบคือการปรับตัวของผู้ต้องขังใหม่สวนใหญ่มักเกิดความเครียด หรือผู้ต้องขังที่อยูนานก็อาจเกิดความเครียดเช่นกัน ดังนั้น จึงต้องเสนอให้มีการเต้นประกอบเพลงเพื่อให้ผู้ต้องขังได้ออกกำลังกาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ปรับฮอร์โมนในรางกายให้สมดุล รวมถึงส่งผลต่อบุคลิกภาพทีดีขึ้น ที่สำคัญยังทำให้ผู้ต้องขังมีความสามัคคีทั้งกับเพื่อนผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ในเรือนจำด้วย
ทั้งนี้ผู้ต้องขังที่เป็นหัวหน้าทีมเต้นที่ได้รับรางวัลชนะเลิศรายหนึ่ง กล่าวว่า ทีมตนมีทั้งหมด 10 คน ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมแดนเดียวกัน ไม่เคยมีทักษะการเต้นมาก่อน ต้องอาศัยแกะท่าเต้นจากมิวสิควีดีโอ โดยจะใช้เวลาว่างช่วงบ่ายในการฝึกซ้อมทุกวันเป็นเวลานานนับสัปดาห์ ทุกคนให้ความร่วมมือในการฝึกซ้อมอย่างดี สิ่งที่เห็นได้ชัดคือทุกคนมีความสามัคคีกันมากขึ้น ตั้งใจฝึกซ้อมตามนัดทำให้ได้เรื่องความมีระเบียบวินัย รางวัลที่ได้รับครั้งนี้รู้สึกภูมิใจกับสิ่งทีตั้งใจทำมาตลอด