เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี กทม.เตรียมปรับปรุงทางกายภาพบนพื้นผิวถนน ภายหลังเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่นอี 300 ซึ่งขับโดย น.ส.มาธวี วัฒนกุล หรือมายด์ อายุ 21 ปี นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บุตรสาวนายโกวิท วัฒนกุล ดารานักแสดง ตกจากทางต่างระดับรัชวิภาฝั่งขาเข้า บริเวณทางแยกมุ่งหน้าไปถนนวิภาวดีรังสิตกับแยกประชานุกุล แขวงและเขตจตุจักร กทม. ทำให้ น.ส.มาธวี และนายจักรพงศ์ เจริญผล อายุ 22 ปี ที่นั่งมาภายในรถเสียชีวิต ว่า จากการตรวจสอบพบว่ากรณีที่เกิดขึ้นรถยนต์ไม่ได้พุ่งชนทางกั้นและดิ่งตกลงมา แต่เป็นการพุ่งชนผนังแถบด้านขวา และแฉลบตกลงมาด้านล่าง กรณีนี้เกิดจากการหลับใน อย่างที่เป็นข่าวว่าน้องมายด์ ติวหนังสือจนไม่ได้นอน ประกอบกับจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่ามีแนวกั้น มีราวกันชนในลักษณะแท่นปูนวางไว้ตรงจุดตัววาย มีการติดตั้งไว้แล้ว กรณีนี้จึงไม่ได้พุ่งชนตรงกลาง
นายธีระชนกล่าวว่า จากการตรวจสอบดังกล่าว กทม.จึงมีแผนในการปรับปรุงทางกายภาพตามจุดเสี่ยงต่างๆ โดยจะติดตั้งเป็นแถบยางบนพื้นผิวถนน หรือที่เรียกว่า Rumble Strip ซึ่งจะเป็นการตีเส้นจราจรที่ตีขวางบนถนนเป็นแถบๆ ใช้สำหรับเตือนคนขับรถถึงลักษณะสภาพถนนที่เปลี่ยนไป หรือให้ระวัง โดยเมื่อรถยนต์ขับผ่านจะเกิดแรงกระแทกของล้อรถกับเส้นจราจรที่ตีไว้บนถนน ทำให้เกิดเสียงเมื่อรถวิ่งผ่านและเกิดการสั่นสะเทือนบนตัวรถ เป็นการเตือนให้มีสตินั่นเอง
"ที่ผ่านมา กทม.ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 74 จุด ทำมาแล้วกว่า 12 ปี ส่วนใหญ่เป็นพื้นถนนตามทางโค้งหรือจุดเสี่ยงต่างๆ แต่ยังไม่เคยทำบนทางยกระดับ เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นได้สำรวจพบจุดเสี่ยงอีก 18 จุด อาทิ ทางแยกรัชวิภา ทางยกระดับจตุรทิศ ทางยกระดับศรีอยุธยา ถนนพระราม 9 ถนนบรมราชชนนี เป็นต้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักการโยธา (สนย.) และสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ไปปรับปรุงภายในเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้" นายธีระชนกล่าว
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ศาลา 2 วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บริษัทเมอร์เซเดส เบนซ์ จำกัด เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมน้องมายด์ ภายในงานมีเพื่อนนักศึกษา เหล่าดารา และญาติๆ มาร่วมงานประมาณ 700 คน จนล้นออกมานอกศาลา
นายโกวิทให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรุงเทพ มหานคร (กทม.) จะจัดทำรั้วรอบโค้งอันตรายจุดเกิดเหตุนั้นว่า นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าทำเร็วกว่านี้ ก็จะทำให้ตนไม่ต้องเสียบุตรสาวไป เพราะใน กทม.มีจุดเสี่ยงดังกล่าวหลายจุด มากกว่า 10 จุด เหตุบริเวณโค้งรัชดานั้นอยากให้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดครั้งสุดท้าย และเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่บนเส้นทางที่มีความเสี่ยงอันตรายดังกล่าว
"หาก กทม.ทำการสร้างรั้วก็จะเป็นการดี และขอขอบพระคุณมาก ส่วนการเสียลูกสาวคนเล็กคนนี้ไป ทำให้ผมรู้สึกเศร้าและเสียใจมาก เพราะได้เตรียมวางแผนอนาคตให้ลูกไว้ ซึ่งใกล้จะเรียนจบในปีสุดท้ายนี้ โดยเตรียมเรื่องการแสดงละครไว้ 3 เรื่อง 3 บท" นายโกวิทกล่าว