เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่หมู่ 3 ต.โพสะ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
เกิดเหตุบ้านเรือน 9 หลัง ที่อยู่ติดกับถนนลูกรังริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนมีรอยแยกและทรุดเป็นระยะทางยาว โดยเฉพาะที่บ้านของนางช้วน ศรีวัฒนาธรรม อายุ 72 ปี เลขที่ 2 ต.โพสะ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง เป็นบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง ใต้ถุนเทปูนปูกระเบื้องอย่างดี เกิดทรุดตัวลงเกือบครึ่งหลัง บริเวณบ้านมีรอยแตก ทรุดเป็นจำนวนมาก ซึ่งทรุดลงมาเกือบ 1 เมตร
นางช้วน ศรีวัฒนาธรรม กล่าวว่า สังเกตว่าบ้านได้เริ่มมีรอยแตกมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ในช่วงที่ทางเทศบาลตำบลโพสะมาทำถนนใหม่
เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาบ้านได้ทรุดตัวลงมาวันละกว่าคืบ จนบริเวณครัวและห้องน้ำที่ติดอยู่กับถนนทรุดลงไปเกือบ 1 เมตร จึงตัดสินใจที่จะสกัดปูนตรงที่ทรุดให้แยกออกจากตัวบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะทรุดลงไปทั้งหลัง แต่ตัวบ้านยังคงทรุดอย่างต่อเนื่อง เหตุเพราะรอยร้าวของพื้นปูนแตกแยก เกือบครึ่งหลัง ต้องขอให้เพื่อนบ้านมาทำการตัดไฟในบ้านหลายจุด เพราะเกรงว่าจะหากบ้านทรุดลงไปอีกจะดึงสายไฟทำให้เกิดไฟไหม้ได้
นางก้านตอง โพธิ์เย็น อายุ 53 ปี อยู่เลขที่ 9 หมู่ 3 ต.โพสะ อ.เมืองอ่างทอง จ. อ่างทอง กล่าวว่า
บ้านของตนอยู่ติดกับบ้านของนางช้วน ได้รับผลกระทบเช่นกัน ที่บ้านบริเวณถนนปูนทางเข้าบ้านก็ทรุดลงมาเป็นแนวยาวเกือบ 1 เมตร ส่วนที่ต่อเติมบ้านที่ยื่นได้ทรุดตัวทั้งหมดแล้ว ตนและชาวบ้านแจ้งประสานไปยังเทศบาลโพสะให้เข้าตรวจสอบแล้ว และเมื่อทางเจ้าหน้าที่เทศบาลมาดู ก็ไม่ได้ชี้แจงถึงสาเหตุอะไร ได้แต่มาถ่ายรูปและก็กลับออกไป ซึ่งขณะนี้ตนและชาวบ้านก็อยากรู้ถึงสาเหตุ และอยากรู้ว่าใครจะมาช่วยเหลือและดูแลอย่างไร
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจับกลุ่มพูดคุย ถึงสาเหตุน่าจะมาจากการทำถนนของเทศบาลที่ถมทับถนนเส้นเดิมให้สูงขึ้น
ซึ่งระหว่างทำถนนนั้นทางเทศบาลได้ใช้รถสิบล้อวิ่งไปมาเพื่ออัดบดดิน ซึ่งก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดินเก่าเกิดทรุดตัว เนื่องจากในช่วงน้ำท่วมของทุกปี พื้นที่บริเวณนี้จะโดนน้ำท่วมตลอด
ด้านนายฉัตรชัย เย็นทรง ปลัดอำเภอเมืองอ่างทอง เจ้าของพื้นที่ได้รุดไปที่เกิดเหตุ กล่าวว่า
หลังจากเข้าตรวจสอบก็ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ คาดว่าน่าจะเป็นผลกระทบมาจากเหตุอุทกภัยครั้งที่ผ่าน และเพราะน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ในส่วนที่ทางชาวบ้านสันนิษฐานไปต่าง ๆ นานา นั้น ก็ยังไม่สามารถที่จะหาข้อสรุปได้ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางราชการได้เร่งหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว ส่วนสาเหตุนั้นก็จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง