ข้ามฝั่งโขง เที่ยวท้องถิ่นหนึ่งเดียวในโลกเมืองสกลฯ

ผ่านเลาะเรื่อยมาถึงแปดริ้ว เข้าสระแก้ว สุดเขตตะวันออกของประเทศไทย ก็ได้ถึงเวลามุ่งหน้ากันต่อสู่ดินแดนที่ราบสูง การเดินทางท่องเที่ยวในดินแดนนี้เริ่มต้นที่ มุกดาหาร จังหวัดที่กำลังเป็นประตูสู่อินโดจีน ประตูที่ 2 ด้วยสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เชื่อมโยงมิตรภาพสองฝั่งโขง ประเทศไทย ฝั่งมุกดาหาร สู่ลาว ณ แขวงสะหวันนะเขต

ให้ประชาชนสองฟากฝั่งได้สัญจรไปมาแล้ว สะพานคงจะทำหน้าที่ของมันได้มากกว่าวัตถุทางข้ามธรรมดา เพราะเต็มไปด้วยประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค

รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่จะกระชับแน่นแฟ้นมากขึ้น ระหว่างบ้านพี่เมืองน้องสองประเทศ

หันหลังให้วิถีการสัญจรสู่ประเทศเพื่อนบ้านสุดคลาสสิค ด้วยวิธีการนั่งเรือข้ามฝั่งโขง การเดินทางสู่จังหวัดสะหวันนะเขต ประเทศลาว ครั้งนี้ จึงขอนั่งเรือหางยาวข้ามฝั่งสั่งลาวิถีเก่า

เพราะเมื่อความสะดวกสบายมาอยู่ตรงหน้า บางครามันก็กวักมือเรียกให้ไปหามันอย่างไม่รู้ตัว

คือเขตแดนแขวงสะหวันนะเขต เป็นแขวงที่มีเนื้อที่กว้างขวางและมีพลเมืองมากที่สุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว แน่นอนว่าความเป็นที่สุดของพื้นที่และผู้คน

ย่อมนำพามาซึ่งความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติเช่นกัน

จุดแรกที่บรรจุในโปรแกรมเพียงครึ่งวัน ที่จะได้ท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านครั้งนี้ก็คือ บริษัททุ่งลหาสิน บริษัทที่ผลิตผ้าฝ้ายย้อมสีเพื่อส่งออกต่างประเทศ แล้วแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านเป็นเรือนไม้เก่าโบราณ

เก็บข้าวของเครื่องใช้ของบรรพบุรุษ

ปู่ย่าตายายไว้เหมือนพิพิธภัณฑ์ย่อม ๆ เต็มไปด้วยวิถีชีวิตชาวลาวในสมัยโบราณ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องทอฝ้าย ไม้หวีผม ห้องพระ และลักษณะตัวบ้านที่ก็คล้ายกับฝั่งบ้านเราไม่มีผิด

ควรได้เคารพสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อย่างน้อยก็ในชีวิตสำหรับนักเดินทาง พระธาตุอิงฮัง คือพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองสะหวันนะเขต พระธาตุแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ชวนฟังชวนคิด

จากปากไกด์เจ้าบ้านที่แนะนำบอกว่า

พระธาตุแห่งนี้ผู้หญิงห้ามเข้าไปภายในต้องสักการะอยู่ภายนอก สงวนสิทธิ์ไว้ให้ผู้ชายเท่านั้น แต่ด้วยสาเหตุและที่มาอย่างไรนั้น ต้องสงวนการฟังไว้ ต้องไปฟังถึงที่เท่านั้นถึงจะรู้

ก็ได้เห็นวัดโบราณอันสงบ เป็นศิลปะสมัยล้านช้าง ทั้งตัวพระธาตุและเขตวัด สามารถรับรู้ได้ถึงวิถีชีวิตที่พึ่งพิงพระพุทธศาสนา อย่างสงบ เรียบง่าย ร่มเย็น ชนิดที่ไม่ต้องจูน

ออกจากวัดพระธาตุ จิบกาแฟสดยี่ห้อขึ้นชื่อของลาว

เรียกความสดชื่นก่อนไปพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์กันต่อ ชาวเมืองที่นี่เขาเรียกไดโนเสาร์ว่า กะปอมหลวง ที่นี่มีกระดูกกะปอมหลวงอายุ110 ล้านปี ที่ค้นพบหลายแห่งในแขวง ตอกย้ำความเก่าแก่และอุดมของเมืองเป็นอย่างดี ด้วยซากสัตว์โบราณเหล่านี้

กลับสู่บ้านเราออกจากมุกดาหาร มุ่งหน้าสู่จังหวัดสกลนคร ด้วยระยะทางเพียง 90 กิโลเมตรจากจ.มุกดาหาร ก่อนถึงตัวจังหวัด ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกจัดเป็นอันซีนไทยแลนด์ 2 คือ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน ที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่และงดงามของโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ณ สถานที่แห่งนี้งดงามยิ่งใหญ่

ทว่าเงียบสงบร่มเย็น สมเป็นที่พักใจและที่ยึดเหนี่ยวของชาวคริสต์ในละแวก สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นก็เพื่อเป็นเกียรติแก่บุญราศี 7 ที่ได้สละชีพเพื่อยืนยันความศรัทธาที่มีต่อศาสนาคริสต์ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ที่จังหวัดนี้ มีหมู่บ้านชาวคริสต์อยู่อาศัยกันอย่างสงบ จึงได้เห็นวิถีแห่งการเฉลิมฉลองเนื่องในวันคริสต์มาสพอดิบพอดี ณ หมู่บ้านท่าแร่ อายุยาวนานนับร้อยปีแห่งนี้ เป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

แน่นอนว่าวันสำคัญที่สุดของศาสนาในวันคริสต์มาสเช่นนี้

ต้องมีงานประเพณีของหมู่บ้านที่น่าสนใจและเป็นการเฉลิมฉลองเช่นนี้แห่งเดียวในโลก คืองานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส ที่ทั้งหมู่บ้านจะตกแต่งดวงไฟประดับประดาเป็นรูปดาว สว่างไสววิบวับ และแต่ละบ้าน

แต่ละหน่วยงานจะทำรถตกแต่งประดับ

ว่าด้วยเรื่องราวการประสูติของพระเยซูคริสต์ ออกมาพร้อมใจกันเป็นขบวนแห่ดาว ในคริสต์มาสที่ผ่านมาครั้งล่าสุดมีมากถึง 200 ขบวนเลยทีเดียว

เพื่อระลึกเหตุการณ์ในคืนที่พระเยซูเจ้าประสูติ จากการติดตามดวงดาวประหลาดดวงหนึ่งของเหล่าโหราจารย์ จนไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซูเจ้าที่เมืองเบธเลแฮม

ในคืนนั้นที่ชุมชนท่าแร่

นอกจากดวงดาวจากขบวนรถที่ประกวดประขันประกายดวงดาวกันอย่างเต็มที่แล้ว ยังกึกก้องไปด้วยบทเพลงแห่งคริสต์มาสอันอบอุ่นอีกด้วย

ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ชุมชนท่าแร่แห่งนี้ยังมีความโดดเด่นน่าสนใจ อยู่ตรงที่มีผังเมืองเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยมหมากรุก คล้ายกับบ้านเมืองของประเทศแถบตะวันตก ยังได้เห็นบ้านโบราณ บางหลังในหมู่บ้านเป็นสถาปัตยกรรมทรงฝรั่งเศสที่งดงามอีกด้วย.

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์