ขณะที่นายกรัฐมนตรีซามูไร ประกาศทบทวนนโยบายพลังงาน รวมทั้งแผนการสร้างเตาปฏิกรณ์เพิ่ม
วันนี้ ( 14 มิ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าทางการเมืองฟูกูชิมะในญี่ปุ่นจะให้อุปกรณ์วัดปริมาณกัมมันตรังสีแก่เด็กจำนวน 34,000 คน ในบริเวณที่อยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ราว 60 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่คณะกรรมการด้านการศึกษาของเมืองฟูกูชิมะบอกว่า จะมีการให้อุปกรณ์วัดปริมาณกัมมันตรังสีแก่เด็กทุกคนอายุระหว่าง 4 ขวบถึง 15 ปี เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ย. ซึ่งพวกเขาสามารถสวมอุปกรณ์ดังกล่าวได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ เมืองฟูกูชิมะ ตั้งอยู่ภายนอกเขตห้ามเข้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดไว้ในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิชิ
ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ประชาชนจำนวนมาก ยังมีความวิตกเกี่ยวกับสารกัมมันตรังสี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เมืองฟูกูชิมะมีความเชื่อว่า การแจกจ่ายอุปกรณ์วัดปริมาณกัมมันตรังสี จะช่วยผ่อนคลายความวิตกของกลุ่มผู้ปกครอง หากพวกเขาได้รับการยืนยันว่า บุตรหลานปลอดภัยจากกัมมันตรังสี
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์รายวันอาซาฮี รายงานว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ตอบแบบสอบถามเกือบ 3 ใน 4 หรือร้อยละ 74
ต้องการให้ญี่ปุ่นเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์แบบค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังเกิดอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ คงมีเพียงร้อยละ 14 เท่านั้น ที่ไม่เห็นด้วย และสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ต่อไป นอกจากนี้ ร้อยละ 64 เชื่อว่า พลังงานธรรมชาติ เช่น พลังลมและพลังแสงอาทิตย์ ควรจะมาทดแทนพลังงานนิวเคลียร์ในอนาคต แต่ร้อยละ 24 ระบุว่า พวกเขาไม่คิดเช่นนั้น ขณะที่ นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ประกาศทบทวนนโยบายพลังงาน รวมทั้งแผนการสร้างเตาปฏิกรณ์เพิ่ม