5จังหวัดใต้อ่วม เขื่อนวังอ้ายว่าวแตก น้ำทะลักเข้าท่วม ชาวบ้านหนีตายชุลมุน ตร.-ทหารเร่งออกเรือช่วยราษฎร
พระราชทานถุงยังชีพช่วยราษฎร
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลอากาศตรีจักรพงษ์ หอมไกรลาส กรมวังผู้ใหญ่ กองงานพระวรชายาฯ เป็นผู้แทนพระองค์ นำถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,000 ถุง ไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ต่อจากนั้น ผู้แทนพระองค์เดินทางไปมอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,000 ถุง ไปมอบให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ณ โรงเรียนพนังตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยจัดให้มีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พระราชทานในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฎราชกุมาร มาตรวจรักษาผู้ประสบภัยพิบัติที่มีอาการเจ็บป่วย
ฝนถล่ม-น้ำท่วมหนักตายแล้ว 8 ราย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานคณะอำนวยการกำกับและติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย( คชอ.) แถลงว่า ขณะนี้มีการประกาศภัยพิบัติ 7 จังหวัดได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา และกระบี่ สถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยกรมอุตุนิยมวิทยารายงานให้ที่ประชุมทราบว่า สถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องลักษณะนี้จะเป็นไปอีกอย่างน้อย 5 วัน ทำให้รัฐบาลกังวลว่า สถานการณ์จะรุนแรงกว่าปลายปี 2553 และขณะนี้ถือว่า บางพื้นที่สถานการณ์หนักกว่าปี 2553 แล้ว โดยเทียบเคียงได้กับปี 2531 น้ำท่วมครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ เพราะในเดือนมี.ค.ไม่เคยมีน้ำท่วมหนักขนาดนี้มาก่อน ล่าสุดได้สั่งการอพยพคนออกจากบริเวณแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราชแล้ว เนื่องจากคลื่นลมค่อนข้างแรง และจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน
อย่างไรก็ตามคชอ.กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแยกแยะการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนเป็นรายกลุ่มคือ 1.พื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม และเคยมีปัญหาดินถล่มมาแล้ว ให้อพยพประชาชนมาอยู่ในที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องรอดูสถานการณ์ 2.กลุ่มประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่ม น้ำท่วมถึง แต่ละจังหวัดต้องประเมินว่า ปริมาณน้ำท่วมจะมากกว่าปี 2553 หรือไม่ จึงค่อยเคลื่อนย้ายอพยพสิ่งของออกจากพื้นที่ 3.นักท่องเที่ยวบริเวณอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ก็เตือนไม่ให้ออกไปท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆ เนื่องจากสภาพทะเลมีปัญหาทั้งสองฝั่ง
คอช.เยียวยาเหยื่อน้ำท่วมใต้ 5 พัน
นายสาทิตย์กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมการช่วยเหลือเยียวยาโดยกำชับให้ ผู้ว่าฯใช้เงินทดรองราชการแต่ละจังหวัด หากไม่เพียงพอก็ทำเรื่องขอขยายวงเงินมายังรัฐบาล แต่ขณะนี้ยังไม่มีจังหวัดใดทำเรื่องขอขยายวงเงิน และวันที่ 30 มี.ค.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)จะส่งอุปกรณ์ต่างๆในการช่วยเหลือประชาชน และอุปกรณ์ยังชีพที่ระดมจากภาคกลางและกทม. อาทิ แพยาง เรือติดเครื่องยนต์ ถุงยังชีพเข้าไปในพื้นที่ นอกจากนี้กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะอนุมัติงบฯเบื้องต้น 20 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อถุงยังชีพไปแจกให้ประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นก่อน จากนั้นในวันที่ 31 มี.ค.รัฐบาลจะจัดงานเพื่อขอบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านทาง ช่อง 9 อสมท. อย่างไรก็ตามคชอ. จะประชุมในวันที่ 30 มี.ค.เพื่อพิจารณาและกำหนดหลักเกณฑ์ให้ความช่วยเหลือประชาชน และการให้เงินเยียวยา 5 พันบาท โดยจะพิจารณาจากภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อดูพื้นที่ได้รับความเสียหายว่า ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด
ภาคใต้ฝนมากสุดในรอบ 30 ปี
นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (29 มี.ค.) อุณหภูมิพื้นที่ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร บางจุดวัดได้ 19 องศาเซลเซียส มีอากาศเย็น เนื่องจากความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนที่ปกคลุม คาดว่า จะคงสภาพอย่างนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. จากนั้น จะเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับพื้นที่ภาคใต้ที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำยังปกคลุมภาคใต้ตอนกลาง ทำให้มีฝนตกต่อเนื่องอีก 1-2 วัน คาดว่า วันที่ 30 มี.ค.จะเบาบาง โดยระบุว่า ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีปริมาณฝนสะสมช่วง 24 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 28-29 มี.ค. ถึง 414.7 มม. ถือว่าเป็นปริมาณมากผิดปกติ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 30 ปี
สองอ่างเก็บน้ำเมืองคอนเกินพิกัด
ขณะเดียวกัน อ่างเก็บน้ำคลองดินแดง ต.เขาพระ และอ่างเก็บน้ำกระทูน ต.กระทูน จ.นครศรีธรรมราช ไม่สามารถรองรับน้ำเพิ่มได้อีกแล้วเนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระบายน้ำออกจากอ่าง เพราะเกรงจะเกิดการแตกร้าว นอกจากนี้ดินและหินบนภูเขาในพื้นที่หมู่ 10 ต.เขาพระ ได้เกิดถล่มลงมาเป็นวงกว้างหลายจุด จนสะพานขาดหลายแห่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจความเสียหายได้
เขื่อนวังอ้ายฯ แตกทุ่งสงจมบาดาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลทะลักลงมาตามลำคลองท่าเลาและคลองทุ่งสงเข้า ท่วมตลาดในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ประกอบกับเขื่อนวังอ้ายว่าว ต.นาหลวงเสน แตกเป็นเหตุให้น้ำเข้าท่วมตัวเมืองอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านพากันหนีน้ำตั้งตัว แทบไม่ทัน ต่างพากันขนย้ายสิ่งของหนีน้ำกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ถนนทุกสายในเขตเทศบาลเมืองทุ่งสงจมอยู่ใต้น้ำ ถนนชนปรีดาซึ่งเป็นถนนสายเศรษฐกิจระดับน้ำสูงถึง 1-2 เมตร ลมกระโชกแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่หลายต้นในเขตเทศบาลโค่นล้มลงมาจำนวนหลายต้น
นายทรงชัย วงษ์วัชรดำรง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองทุ่งสง นำเจ้าหน้าที่เทศกิจและหน่วยบรรเทาสาธารณภัยระดมกำลังไปช่วยเหลือประชาชนที่ ประสบภัยแล้วอย่างรีบด่วน ขณะเดียวก้นทหารจากค่ายเทพกษัตรี-ศรีสุนทร และ ตชด.ที่ 42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง นำเรือท้องแบนและรถยนต์ทหารมาช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของประชาชนหนีน้ำกันแล้ว
เขาธงถล่มอพยพชาวบ้านหนีตายวุ่น
นายภาคภูมิ อินทรสุวรรณ นายอำเภอช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า ได้เกิดภูเขาพังถล่มลงมาปิดถนนสายช้างกลาง-นครศรีธรรมราช เหตุเกิดบริเวณเขาธงอยู่เทือกเขาบรรทัด หมู่ 14 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมโชค จันทรมณี ผกก.สภ.ช้างกลาง พบมีก้อนหินขนาดใหญ่ และดินจากภูเขาธง พังทลายลงมาทับถมถนน มีความหนาจากระดับผิวถนนถึง 4 เมตร เป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร และยังมีก้อนหินพังถล่มลงมาตลอดเวลาเนื่องจากฝนยังคงตกหนัก เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเชิงเขาลงมาไปอยู่ในที่ ปลอดภัย เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย
ด้าน พ.ต.อ.สมโชค ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดแจ้งเตือนรถยนต์ที่จะเดินทางไปนครศรีธรรมราช
ยังไม่รู้ชะตากรรม ผญบ.ปากหมาก
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาทุกพื้นที่ของจังหวัดยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อ.ไชยา อ.ท่าชนะ และ อ.ท่าฉาง ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และสถานที่ราชการ ระดับน้ำสูงประมาณ 60 ซม. นอกจากนี้ บนถนนสายเอเชีย 41 ตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 134 ไปจนถึงบริเวณแยกไชยา ระยะทางประมาณ 5 กม. ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม. รถยนต์เล็กไปจนถึงรถบรรทุก 6 ล้อ ไม่สามารถสัญจรได้ ส่งผลให้การจราจรทั้งขาขึ้น และขาล่องเป็นอัมพาต
ส่วนกรณีที่ นายชำนาญ ไมอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ปากหมาก อ.ไชยา ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดหายลงไปในคลองปากหมาก ขณะนำลูกบ้านช่วยกันเขี่ยกิ่งไม้ที่ติดอยู่ใต้สะพานป้าปุก เพื่อระบายน้ำนั้น จนถึงช่วงสายวันนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งทาง นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เร่งค้นหาตั้งแต่รับแจ้งเหตุแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แวว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมารถไฟสายใต้ไม่สามารถเดินรถได้ เนื่องจากเกิดน้ำท่วมทางช่วงสถานีไชยา เขาพนมแบก ท่าชนะ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ท่าชนะ พบว่า กระแสน้ำได้พัดพาหินโรยทางหายไปเกือบหมด ทำให้ทางรถไฟเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 30 เมตร
นายประเสริฐ รัตนพันธ์ นายสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ประกาศหยุดเดินรถอย่างไม่มีกำหนด โดยขณะนี้ระดับน้ำในพื้นที่ อ.ไชยา และท่าชนะ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้น สำหรับผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานีนั้น ได้ส่งขึ้นรถยนต์โดยสารไปยังจุดหมายแล้ว ส่วนผู้โดยสารที่ไม่ประสงค์เดินทางต่อ ทางสถานีได้จ่ายเงินค่าตั๋วคืนเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วเดินทางล่วงหน้าสามารถขอคืนเงินได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่ง