เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่อาคารตรวจสอบสินค้าขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางเพียงฤทัย เสารัมณี ผอ.กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค
นำสื่อมวลชนตรวจสอบสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยกล่าวว่า ส่วนใหญ่สินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ที่เป็นอาหารสดที่พบบ่อย คือ ผลไม้ เช่น สตรอเบอรี่ มันเทศ เมลอน อาหารทะเล เช่น แซลมอน หอยเชลล์ หอยเม่น หอยแครงสด หอยปีกนก หอยนางรม ปลาตาเดียว ปลาหมึกยักษ์ ทูน่าตาโต ปลาคินมิได ปูยักษ์(King Crab) โดยสินค้าประเภทอาหารสด มีปริมาณการนำเข้าที่ไม่สูงนัก และมีแหล่งจำหน่ายให้กับชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศไทย และภัตตาคารเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอาหารแช่แข็งที่นำเข้าบ่อยสำหรับภัตตาคารย่านสุขุมวิท ทองหล่อ ที่ส่วนใหญ่จะมีราคาแพง ส่วนอาหารสำเร็จรูปที่พบ จะเป็นประเภทซอสปรุงรสชนิดต่างๆ ขนมญี่ปุ่นชนิดต่างๆ และนมผง ยี่ห้อซึ่งผลิตในประเทศญี่ปุ่น
“นอกจากอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ต้องสุ่มตรวจแล้ว ด่านอาหารและยาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาจต้องพิจารณา อาหารจากประเทศใกล้เคียง ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสี เช่น อาหารจากประเทศเกาหลี ไต้หวัน จีน โดยเฉพาะด้านเซี่ยงไฮ้ ซึ่งใกล้กับญี่ปุ่น ซึ่งการตรวจ จะดำเนินการไปจนกว่าจะมีการรับรอง จากประเทศต้นทาง ว่า ได้มีการตรวจสอบสภาพแวดล้อมว่า มีความปลอดภัยเพียงพอ”นางเพียงฤทัย กล่าว
วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติกรณีญี่ปุ่น
ด้านการแพทย์และสาธารณสุขว่า สำหรับคนไทยที่จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นหากไปทางด้านใต้แถวเมืองโอซาก้าไม่น่าห่วง แต่หากไปทางตอนเหนือกรุงโตเกียวต้องปฏิบัติตามคำแนะนำสากล คือ ใส้เสื้อ ล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำ อยู่ภายในบริเวณบ้าน และตรวจกัมมันตรังสีสม่ำเสมอ หากมีค่าเกิน 500 ไมโครซีเวิร์ทต้องให้ทางการญี่ปุ่นประเมินว่าควรได้รับยาหรือไม่ ส่วนผู้ที่จะเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาในประเทศไทย สธ.จะตั้งหน่วยแพทย์ขนาดเล็กภายในสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนกับผู้ที่เดินทางจากญี่ปุ่นด้วย รวมทั้ง จะมีการแจกแบบสอบถามให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาตรวจสอบตัวเอง หากรู้ว่าตัวเองมาจากพื้นที่เสี่ยง ขอให้ติดต่อรพ.ราชวิถีหรือรพ.นพรัตนราชธานี เพื่อตรวจหาสารกัมมันตรังสีในร่างกายและรับยา
“คนไทยอย่าตื่นตระหนก เพราะไม่ใช่โรคระบาด ผู้ที่ได้รับสารกัมมันตภาพรังสี สารนั้นก็จะอยู่กับตัวเองของเขาคนเดียว ไม่ได้กระจายไปให้คนอื่นติดเชื้อ” นพ.ไพจิตร์กล่าว