สำนักต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ทหารกองทัพไอวอรี่ โคสต์ ของประธานาธิบดีโลรองค์ เก๊บแบ๊กโบ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า พ่ายแพ้และโกงการเลือกตั้งผู้นำประเทศซต่อนายอลาสแซน อิวแอตต้า ปฎิบัติการอย่างเหี้ยมโหด ยิงกระสุนปืนใส่กลุ่มผู้หญิงที่ออกมาชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเก็บแบ๊กโบ ลาออกจากตำแหน่ง
โดยมีผู้หญิงเสียชีวิต 7 ราย ในการประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ที่ประชาชนได้ใช้วิธีการสุดท้ายในการกดดันนายเก็บแบ๊กโบด้วยการใช้กลุ่มผู้หญิงออกมาประท้วงขับไล่ผู้นำไอวอรี่ โคสต์ รายนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่สหรัฐทันที โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า นายเก็บแบ็กโบ้ ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาล้มละลายด้านจริยธรรม จากเหตุการณ์กองกำลังความมั่นของเขา ได้สังหารผู้หญิง ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาาติ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงนิวยอร์ก แสดงความรู้สึกวิตกยิ่ง ต่อสถานการณ์ความรุนแรงในไอวอรี่ โคสต์ ที่บานปลาย และอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้
รายงานระบุว่า ที่ผ่านมาประเมินกองกำลังความมั่นคงของนายเก็บแบ๊กโบได้สังหารประชาชน เกือบ 400 คนจำนวนนี้ รวมทั้งราย 32 ราย ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมา โดยทุกรายเป็นผู้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้นายอลาสแซน อิวแอตต้า ซึ่งชนะการเลือกตั้ง แต่ถูกกักบริเวณให้อยู่ในบ้านพัก ขณะที่วิกฤตรุนแรงส่งผลให้ประชาชนในเขตอโบโบ 2 แสนคนหนีตายออกจากเขตดังกล่าวซึ่งมีการยิงปืนใหญ่ใส่ประชาชน
ที่ผ่านมา หลายฝ่ายได้เรียกร้องให้นายเก็บแบ๊กโบ ยอมรับผลแพ้เลือกตั้งและก้าวลงจากตำแหน่ง แต่เจ้าต้วได้ปฎิเสธข้อเสนอต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอนิรโทษกรรมความผิด รวมทั้งข้อเสนอจากสหรัฐให้เขาลี้่ภัยและทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบอสตัน