สลดหนุ่มพาแม่ซิ่งผ่า กลางสายฝน เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ดับคาที่ตรัง
วันนี้ (9 พ.ย.) ร.ต.อ.ถาวร ชัยศิริ ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง รับแจ้งเหตุมีรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง บริเวณถนนบายพาส ม.2 ต.นาตาล่วง อ.เมือง จ.ตรัง และมีผู้เสียชีวิตคาที่ 1 ราย และบาดเจ็บอาการสาหัสติดอยู่ในซากรถอีกจำนวน 1 ราย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลสถานตรัง และแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์ตรัง รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎศ 6472 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพพุ่งชนอัดก๊อปปี้ติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง และภายในรถพบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่จำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือ นางสุพิศ ตุลารักษ์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/15 ม.4 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ จากการชันสูตรพลิกศพแพทย์พบบาดแผลบริเวณลำคอหัก แขนขวาหัก และขาด้านขวาหัก รวมทั้งร่างของผู้ตายยังถูกแรงอัดกระแทกเข้าที่บริเวณหน้าอกและศีรษะทำให้สมองช้ำบวม นอกจากนี้ภายในรถบริเวณฝั่งด้านคนขับพบผู้บาดเจ็บอาการสาหัส จำนวน 1 ราย ทราบชื่อคือ นายทัศนพล ตุลารักษ์ อายุ 25 ปี ลูกชายของผู้ตาย อยู่ในสภาพขาทั้งสองข้างถูกอัดติดอยู่กับเบรกมือและพวงมาลัยรถ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่าง งัดรถยนต์อยู่นานกว่า 2 ชั่งโมง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา และในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถนำตัวผู้บาดเจ็บออกมาจากรถได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ตรังอย่างเร่งด่วน
จากการสอบสวน นายทัศนพลฯ ผู้บาดเจ็บ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับมารดาขับรถมาจากบ้านในพื้นที่อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เพื่อพามารดาไปหาหมอที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา โดยใช้เส้นทางสายเลี่ยงเมืองตรัง-ห้วยยอด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นแผงเหล็กวางอยู่ข้างหน้าในระยะกระชั้นชิดและไม่มีแสงไฟส่องสว่าง จนเป็นเหตุทำให้หักหลบกระทันหัน แต่มีรถวิ่งสวนทางมาจึงหักพวงมาลัยกลับเข้าเลนเดิม แต่เกิดเสียหลักจึงพุ่งชนต้นไม้ โดยตนไม่ทราบว่ามารดาได้เสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานว่า นายทัศนพลฯผู้บาดเจ็บ ขับรถมาด้วยความเร็วสูง รวมทั้งไม่ชำนาญเส้นทาง จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และแผงเหล็กที่ตั้งวางอยู่บนพื้นถนนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฯที่มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้นำมาวางไว้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากในซอยข้างหน้า มีเต้นท์ของผู้ประสบภัยน้ำท่วมวางอยู่ จึงกั้นแผงเหล็กเพื่อให้รถชะลอความเร็ว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเรียกพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบสวน เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป