กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เตือนเมื่อวันพุธว่า ประเทศร่ำรวยและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำการค้าระหว่างกันโดยเร็ว
มิเช่นนั้นจะเผชิญกับความเสี่ยงทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช้าลง โดยในรายงานภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุด ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2554 จะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ สหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่นยังคงดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก และ จีนยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นสายเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจ
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ โอลิเวียร์ บลันชาร์ด เตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งไม่แข็งแกร่งและไม่มีความสมดุล
อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวอย่างไม่ยั่งยืน ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะอยู่ที่ร้อยละ 4.2 ในปีหน้า ซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 4.8 ตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ และต่ำกว่าการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟในเดือนกรกฎาคม 0.2 จุด สำหรับการเติบโตในปี 2554
ในขณะที่ การผลิตสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น ช่วยเพิ่มการเติบโตในระยะสั้นในสหรัฐ ญี่ปุ่น และบางประเทศในยุโรป ไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วยังคงขึ้นอยู่กับงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล ที่กำลังหดลงเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้และปีหน้า
เนื่องจากตลาดแรงงานซบเซา ไอเอ็มเอฟประมาณการล่าสุดระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะมีการเติบโตลดลงจากร้อยละ 3.3 ซึ่งประเมินไว้เมื่อเดือนกรกฎาคมลดลงมาเหลือร้อยละ 2.6 ส่วนในปีหน้าก็จะเติบโตเพียงร้อยละ 2.3 จากที่เคยประเมินไว้ว่าจะเติบโตร้อยละ 2.9 หรือลดลงร้อยละ 0.6 เนื่องจากสถานการณ์จ้างงานในสหรัฐยังไม่ดีขึ้นและตลาดที่อยู่อาศัยก็ซบเซา
ส่วนญี่ปุ่น ไอเอ็มเอฟปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าจากเดิมที่ประมาณการไว้ว่า จะเติบโตร้อยละ 1.8 ลงมาเหลือร้อยละ 1.5
เนื่องจากการเติบโตของยอดส่งออกจะถูกจำกัด แต่สำหรับเศรษฐกิจยุโรป ไอเอ็มเอฟประมาณการว่า จะเติบโตขึ้นในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการส่งออกของเยอรมนีและประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากเงินยูโรอ่อนค่าลง
แต่การเติบโตที่แข็งแกร่งจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไปในเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และบราซิล.